Wednesday, July 16, 2008

ความงามที่ยั่งยืน

เพิ่งจบการประกวด Miss Universe ที่ประเทศเวียดนามไปหมาดๆ
ถึงแม้น้องแก้มนางงามจากประเทศไทยจะไม่ได้เข้ารอบ แต่อย่างน้อยประเทศไทยก็ได้รางวัลชุดประจำชาติยอดเยี่ยม เย้ๆๆ

ใครไม่ได้ติดตาม ตามไปชมวีดีโอได้ เท่มากๆ ถูกใจๆ

http://uk.youtube.com/watch?v=GMXP1sI3PP8

ว่าแต่เดี๋ยวนี้มันต้องชุดออกแนวนักรบๆหน่อยถึงจะได้รางวัลเปล่าเนี่ย
เมื่อสองปีที่แล้วชุดญี่ปุ่นซามูไรก็ได้ ... ปีที่แล้วชุดอะไรหว่า

อ่อ... แต่วันนี้ไม่ได้จะพูดเรื่องการประกวด Miss Universe เหอๆ
แต่พอดีว่าอ่านพันทิปไปๆมาๆ ก็มีคนพูดกันว่าสาวประเทศไหนสวยสุด แล้วก็มีคนเอาเว็บมาโพส
เว็บนี้ๆ http://www.wanderlist.com/girls_world

ซึ่งมีการจัดอันดับโดยการโหวต (มั้ง?) ว่าสาวประเทศไหนมีความงามเป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลก

สาวไทยติดอันดับ 6 แฮะ!!!

ซึ่งของไทยไม่มีคำบรรยาย แต่ชอบคำบรรยายของอิรักซึ่งอยู่ในอันดับ 52 ว่า
"Their ankles seem kinda sexy anyways"
เอ่อ... นึกภาำพออกเลย

แ่ต่ก็งงๆ ว่าเค้าเอาอะไรมาวัดฟระ .. เพราะนึกออกไหมในประเทศนึงเนี่ยมันก็ต้องมีคนที่ทั้งสวยและไม่สวย
อีกอย่างมาตรฐานความสวยของแต่ละประเทศเราว่ามันก็ไม่เหมือนกันนะ และความงามนี่ยังเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยอีกตะหาก

อย่างเช่นในยุโรปสมัยวิคตอเรียน ... ก็จะต้องเอวกิ่วมาก คอดดดดด โดยเอา corset มารัดไว้จนไส้แทบบีบตัวกันตาย ถ้าสมัยนี้ใครมารัดเอวกิ้วขนาดนั้นคงถูกมองว่าประหลาด

ในประเทศจีนโบราณสาวสวยนั้นต้องมีเท้าที่เล็กสวย สามารถบีบเข้ารองเท้าดอกบัวทองคำได้ เรื่องนี้หลายๆคนอาจจะเคยได้ยินมาบ้างแล้ว สาวๆบางคนถึงกับขนาดเดินไม่ได้เนื่องจากความเจ็บปวดในการบีบรัดเท้า โดยเค้าเชื่อกันว่าคนเท้าใหญ่เปรียบเสมือนคนใช้แรงงาน จะดูดีไฮโซต้องเท้าเล็ก ... ถ้าเอาเท้าขนาด LL ของเราไปวัด คงจะไม่สามารถบรรยายได้ เหอๆ

ก่อนหน้านี้ไม่นานความสวยคือคนผอมมมม ผอมมากกกกก นางแบบบนรันเวย์จะต้องตัวผอมลีบ บางคนจำต้องอดอาหารเพื่อจะให้ได้รูปร่างผอมกิ่วตามต้องการถึงขนาดเป็นโรคกินอาหารผิดปกติ

ปัจจุบันนี้มาตรฐานความสวยเป็นยังไงกันนะ ...

แต่สาวๆคะอย่าลืมว่าความสวยนั้นจริงๆแล้วอยู่กับเราไม่นาน อย่างที่บอกว่ามาตรฐานความงามมันเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย วันนี้ชอบผอม ปีหน้าอาจจะชอบอ้วนก็ได้ แล้วเราเองจะสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองตามความไม่เสถียรไปได้นานแค่ไหนกัน

และอีกอย่าง ... ไม่ว่าเราจะดูแลตัวเองแค่ไหนสักวันหนึ่งสังขารก็ต้องร่วงโรย (ยกเว้นว่าจะตายไปซะก่อน)

เราเองคิดมาตลอดอยากตายก่อนแก่เพราะไม่อยากจะเห็นตัวเองตอนหน้าเหี่ยว อ้วนฉุ ผมหงอก เหอๆ
แต่ก่อนตายอย่างน้อยก็ขอทำให้ชีวิตมีคุณค่า และคุ้มค่าให้สมกับที่พ่อแม่ชุบเลี้ยงสงเสียมาให้ได้ดีจนถึงป่านนี้

เพราะฉะนั้นความสวยอย่างที่บอกว่ามันจะไม่อยู่กับเราตลอดไป ... แต่คุณค่าของตัวเราเองต่างหากที่คนจะพูดถึงไปจนวันสุดท้ายของชีวิตเรา ไม่ว่าวันนั้นจะเป็นวันที่เราอัปลักษณ์ที่สุดในชีวิตก็ตาม

"งามอย่างมีคุณค่า" ตามที่เวทีประกวดนางงามใช้กันมานานนมนั้นคงพิสูจน์ได้ดีว่าไม่ว่าเวลาจะเปลี่ยนไปนานแค่ไหน ความงามของผู้หญิงก็ยังคงผูกติดกับความมีคุณค่าเสมอ

คนทุกคนมีคุณค่าในตัวของเราเองขึ้นอยู่กับว่าเราจะรักษาคุณค่าอันนั้นของเราไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่
อย่าปล่อยให้ใครมาทำลายคุณค่าอันนั้นนะคะ เพราะสุดท้ายแล้วคนที่จะอยู่กับมันไปตลอดชีวิตคือตัวเราเอง ไม่ใช่คนอื่น

(วันนี้แอบตบท้ายด้วยคำคมอีกแล้ว หุหุ)

No comments: