Saturday, September 29, 2012

อาการของคนไม่มีเหตุผล


โดยปกติแล้วจะมีเพื่อนโบว์อยู่คนหนึ่ง (ขออนุญาตไม่เอ่ยชื่อ เกรงว่าจะกระทบกับสิทธิส่วนบุคคล 555) ที่เรามักจะมีกิจวัตรประจำเดือนรวมกันคือการที่จะต้องออกจากบ้านมาเจอกันเดือนละครั้ง เพื่อที่จะมานั่งเล่าสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาให้กันฟัง กิจวัตรที่เรามีร่วมกันนี้เราสองคนได้ร่วมกันสร้างขึ้นมาได้ประมาณปีหนึ่งได้แล้วมั้งคะ ... ถึงแม้ระยะหลังๆมาเราอาจจะมีเวลาเจอกันได้น้อยลงเพราะเหตุผลและธุระส่วนตัวก็ตาม

ทุกๆครั้งในหนึ่งเดือนที่ได้คุยกับเพื่อนคนนี้ โบว์รู้สึกถึงความอิสระอย่างประหลาด สิ่งที่เราพูด สิ่งที่เราแชร์กัน เล่าให้กันฟังนั้นทำให้โบว์คิดอะไรใหม่ๆออกมาได้ในทุกครั้ง หรือบางทีอาจจะไม่ใช่อะไรใหม่ๆ แต่เป็นคำตอบของปัญหาที่เราถามตัวเองมาตลอดและเรามองข้ามไปเสมอก็เป็นได้

นั่นนำมาสู่การที่จะนำเรื่องเล็กๆน้อยๆที่คิดได้ในวันนี้มาเล่าให้ทุกคนฟังกันค่ะ :)

จริงๆแล้วเมื่อวานนี้เรานัดกันค่ะ แต่เนื่องจากเพื่อนทำงานธนาคารทำให้เมื่อวานซึ่งเป็นวันปิดปีนั้นเป็นวันที่ยุ่งมาก กว่าจะเลิกงานก็ปาเข้าไปห้าทุ่มครึ่งแล้ว เป็นสาเหตุให้เสื้อผ้าหน้าผมที่จัดเต็มไปเมื่อวานนี้ไม่ได้ออกจากห้องนอนไปพบใครเลย 5555+

เนื่องด้วยภาวะงานที่รัดตัวของเราทั้งสองคน (เมื่อวานโบว์ก็รู้สึกว่าโบว์เหนื่อยมากจากการทำงานตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากเบี้ยวนัดมาบ่อยแล้วเลยตัดสินใจว่ายังไงก็ต้องออกไปเจอให้ได้) ทำให้เมื่อเช้านี้เราตื่นมานั่งคุยกันถึงเรื่องการทำงาน ความสุข ชีวิต และเหตุผล

เพื่อนโบว์คนนี้ทำงาน Finance ค่ะ ตลอดเวลาโบว์ไม่เคยมองไม่เห็นความเหมาะสมของตัวเขาและงานของเขาเลยสักครั้ง ตัดสินไปแล้วว่ายังไงเขาก็ไม่น่าจะเหมาะกับงานแบบนี้ ... ทำไมน่ะเหรอคะ?

เพราะโบว์รู้สึกว่าเราสองคนจริงๆแล้วเป็นคนที่ emotional มาก อ่อนไหวไปกับทุกเรื่องราวและทุกสิ่ง (ไม่แปลกที่บางครั้งเรื่องที่ดูไม่เป็นเรื่องโบว์กลับต้องใช้เวลาในการพาตัวเองกลับมาในสภาวะปกติของร่างกายและจิตใจค่อนข้างนาน... ถึงนานมากเลยทีเดียว) แต่ศาสตร์ที่เรียกว่าคณิตศาสตร์นั้นเป็นสิ่งที่แน่นอน ชัดเจน วัดผลได้ ตรงไปตรงมา .... โบว์จึงคิดมาเสมอว่าคนที่มีลักษณะแบบโบว์ไม่น่าจะเหมาะกับศาสตร์ที่ใช้เหตุผลมากกว่าความสุนทรีย์อย่างนี้เป็นแน่ ซึ่งเพื่อนโบว์คนนี้ก็ไม่น่าจะเหมาะเช่นกันล่ะมั้ง ก็เรามันคนประเภทเดียวกันนี่นา

ซึ่งเจ้าตัวเองตอนนี้ก็เริ่มคิดเช่นนั้นเช่นกัน แต่ปัญหาก็คือ การที่เป็คนเก่งไปเสียทุกเรื่อง ทำให้บางครั้งเราใช้เหตุผลในการเลือกสิ่งที่มันเหมาะสมกว่า มากกว่าสิ่งที่เราพอใจกว่า หรือสิ่งที่มีเหตุผล มากกว่าสิ่งที่ทำให้เรามีความสุข

หลายครั้งที่โบว์ถูกถามเรื่องเหตุผลของเรื่องบางเรื่อง ก็น่าแปลกที่โบว์กลับให้คำตอบที่เป็นรูปธรรมไม่ได้ กลับบอกได้เพียงว่าเรา 'รู้สึก' เช่นนั้น (ขอย้ำคำว่า 'ความรู้สึก' ที่ให้ความหมายที่ยั่งยืนมากกว่าคำว่า 'อารมณ์' นะคะ ^^)

คิดมาถึงตอนนี้แล้วโบว์ก็เริ่มสงสัยตัวเองขึ้นมาหน่อยๆว่า จริงๆแล้วเราเป็นเพียงคนที่ไม่มีเหตุผลหรือเปล่า เพราะเพียงการบอกแค่ว่า 'รู้สึก' เช่นนั้น ถึงแมัจะเป็นความจริง แต่ก็ไม่สามารถวัดเป็นรูปธรรม และไม่สามารถทำให้เชื่อได้ว่ามันคือ 'เรื่องจริง'

โบว์เชื่อมั่นนิดๆว่าโบว์เป็นคนจริงใจค่ะ (หลายๆคนคงทราบดี ^^) โบว์คิดอย่างไร โบว์พูดอย่างนั้น แต่บางครั้งที่รู้สึกว่าคิดไม่ดีก็จะไม่พูดออกไป ซึ่งหลายๆครั้งที่โบว์ถูกถามถึงเหตุผลของอะไรบางอย่าง แล้วโบว์หาเหตุผลไม่ได้ โบว์ก็ไม่สามารถที่จะแต่งเรื่องหรือหาเหตุผลอะไรก็ได้มาประกอบกับสิ่งที่เราคิดให้ดูน่าเชื่อถือขึ้น (อย่างกับมานั่งเขียน thesis อีกรอบ) โบว์ก็จะบอกได้แค่ว่า เพราะโบว์รู้สึกอย่างนั้น หรือเพราะโบว์มีความสุขที่ได้ทำอย่างนั้น

ซึ่งเวลาที่พูดไป ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคนที่ชอบสิ่งที่แน่นอน วัดผลได้อย่างคณิตศาสตร์ จะเข้าใจในสิ่งที่คนที่มีสุนทรีย์อย่างเราพูดหรือเปล่า เพราะสำหรับเราแล้ว เพียงแค่นี้ ไม่ต้องมีเหตุผลอะไร ก็ตอบคำถาม ตอบปัญหาของเราได้ทุกอย่าง และเป็นสิ่งที่มั่นคงและจริงใจที่สุดเท่าที่เราจะสามารถบอกเค้าได้

สำหรับโบว์แล้ว โบว์มักจะเลือกสิ่งที่เราทำแล้วสบายใจและมีความสุขมากกว่าสิ่งที่มีมีเหตุผลประกอบมากมายหลายพันประการ ... เพราะสุดท้ายแล้วเราจะสามารถทนเห็นตัวเองไม่มีความสุขไปได้นานแค่ไหนกันเชียว

ถามว่าสุดท้ายแล้วถ้าโบว์มีเหตุผลให้คุณเพียงแค่นี้ คุณจะเชื่อโบว์ไหมคะ? :)

No comments: