Sunday, October 26, 2008

Meet the doctor

เป็นตากุ้งยิงค่ะ

เมื่อสองวันก่อนเลยตกใจมากเพราะว่าไม่ได้เอายาหยอดตามาด้วยจากเมืองไทย
เลยโทรไปปรึกษาพี่ๆหมอทั้งสองในโตเกียว

พี่ส้มบอกว่าพี่ส้มมียาหยอดตาแต่ว่าไม่ได้เข้าเมืองเอามาให้ไม่ได้ ลองติดต่อพี่ฮงดูเผื่อว่่าอาจารย์พี่ฮงจะซื้อให้ได้
แล้วก็บอกว่าให้หยอดซะนะตอนนั้นพี่เป็นเม็ดขึ้นต้องเก็บไปเจาะที่เมืองไทย เหอๆ

โรงพยาบาลญี่ปุ่นอย่าให้พูดเลยถ้าป่วยต้องเข้าโรงพยาบาลนานนี่เป็นเรื่องใหญ่มากๆ
ตอนนั้นเพื่อนที่เซมิคนญี่ปุ่นป่วยมากนอนโรงพยาบาลเป็นเดือน (ต้องดีเฟนด์ thesis ผ่านโทรศัพท์)
วันนั้นไปเยี่ยมท่าทางแกหดหู่มากๆ เพราะแกอยู่ห้องรวม ทีวีก็ไม่มี (ต้องหยอดเหรียญดู) ตู้เย็นอะไรเนี่ยไม่มี
ดีนะที่แกอยู่ติดหน้าต่างยังมองออกไปชมนกชมไม้ให้เพลินๆได้

ได้ความรู้ใหม่มาจากพี่ส้มว่าญาตินอนด้วยไม่ได้ ชุดคนป่วยก็ไม่มีต้องเอามาเอง -_-"
เหมือนจะไล่ว่่าให้หายป่วยแล้วออกจากโรงพยาบาลไวๆ ที่มันน้อย ฮ่าๆ

จะให้แอตมิตที ก็ยากมากๆ ต้องป่วยแบบเกือบจะตายแล้ว ถึงให้นอนโรงพยาบาล O_o

ไม่เหมือนโรงพยาบาลเมืองไทย (บางที่) เอะอะก็แอตมิต แถมอยากให้อยู่นานๆอีก
(เผลอกินน้ำไปนี่เสียค่าน้ำไปขวดละเท่าไหร่ไม่รู้ อย่างกับโรงแรม เหอๆ)

อ่อ พอดีกลับเมืองไทยคราวที่แล้วอาม่าเพิ่งเข้าโรงพยาบาลมาค่ะ เลยมีประสบการณ์อะไรแบบนี้ เหอๆ

มาเข้าเรื่องของเราต่อๆๆๆ

เสร็จแล้วเลยโทรไปหาพี่หมอฮง
พี่ฮงบอกว่าให้รีบไปหายามาหยอดเลยนะ เพราะเท่าจากที่ฟังอาการ (ทางโทรศัพท์) แล้ว
ถ้าโบว์เก็บไปหาหมอที่มหาวิทยาลัย (ค่ารักษาฟรี งก ฮ่าๆ) วันจันทร์เนี่ย ตอนนั้นเม็ดมันคงขึ้นแล้วล่ะ

อ่ะ เอารูปตามาให้ดูว่ามันเป่งแล้ว
Photobucket

ก็เลยตกใจมาก ตายแล้ววววว ชั้นจะต้องกลับเมืองไทยไปเจาะตากุ้งยิงเนี่ยนะะะะะ ใช่เรื่องไหมเนี่ย

พี่ฮงเลยกรุณามากๆ เข้าไปหาคลีนิคจักษุแพทย์ที่ชินจุกุให้โบว์
(ตอนนั้นอยู่ชินจุกุ)

จากที่เคยเลี่ยงมาตลอดว่าไม่อยากไปหาหมอที่ญี่ปุ่น (เพราะได้ยินคนเล่าถึงกิตติศัพท์มาเยอะ)
แถมกลัวแพงอีก ค่าหาหมอนี่เท่าไหร่เนี่ยยยยยยย (ปลายเดือน...มีวิกฤติการณ์การเงินอยู่)
ก็เลยต้องจำใจไปหา เพราะว่ายาหยอดตาที่นี่ไปซี้ซั๊วะซื้อเองไม่ได้นะ ต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์ เฮ้อออ

พอไปถึง ...
ก็เข้าไปตรวจ ... ประมาณสามนาที

หมอพูดเร็ว และรัวมากกกกก พูดยังกะว่าเราเป็นคนญี่ปุ่น
ก็แอบฟังออกประมาณว่า เจ็บมั้ยๆ ปกติใส่คอนแทคหรือเปล่า (วันนั้นใส่แว่นไป)
อืมตาล่างบวมนะ เดี๋ยวหมอสั่งยาหยอดให้หยอดใันละสี่ครั้ง

จบ....

ไม่เกินสามนาทีอ่ะสาบานได้

แล้วก็ไปจ่ายค่ารักษา พร้อมกับได้ใบสั่งยามา (ต้องเดินไปซื้อเองด้วย)
Photobucket

ต้องขอบคุณบัตรประกันสุขภาพที่เสียตังค์เดือนละหลายพันทำให้เราได้ลดค่ารักษาลง 65%!!!!
เหลือค่ารักษา 1,160 เยน แม่เจ้าตกใจ ทำไมถูกจัง ก็กลัวมาตั้งนานว่ามันจะต้องแพงมากมาย เหอๆ

ไปซื้อยามาหยอดอีก 580 เยน
ได้เจ้าขวดเล็กๆมาสองขวด
Photobucket

อ่อ ... ยังไม่ใช่แค่นั้น
ไปอ่านเว็บวาเซดะที่พี่ป็อปส่งมาให้ สรุปว่ามหาวิทยาลัยเรานี่มีกองทุนช่วยเหลือทางด้านสุขภาพให้นักศึกษาต่างชาติ
คืิอ จากที่จ่ายเองแค่ 35% (เพราะประกันสังคมจ่ายที่เหลือให้)
ก็กลายเป็นจ่ายแค่ 5% มหาวิทยาลัยออกให้อีก 30%!!!
Photobucket

(แต่ต้องเอาบิลไปเบิกนะ เค้าจะโอนเงินคืนให้)

สรุปว่าไปหาหมอคราวนี้ถูกมากๆค่ะ เหอๆๆๆๆๆ

ขอบคุณประกันสังคม (ที่จ่ายเงินทุกเดือน) และกองทุนสนับสนุนด้านสุขภาพให้นักเรียนต่างชาติที่ทำให้หนูมีโอกาสนี้

แต่เอาจริงๆนะ ...
อย่าป่วยเลยจะดีกว่า เดี๋ยวจะได้เจอประสบการณ์สยองในโรงพยาบาลญี่ปุ่น (ตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น)
เหอๆๆๆๆๆๆๆ

No comments: