Friday, March 09, 2007

การเปลี่ยนแปลงทางความคิด: ศึกษาจากกรณีไอติม

ตอนแรกออกแนวไม่รู้จะตั้งชื่อหัวข้อ entry นี้ว่าอะไรดี
คือแรงบันดาลใจในการเขียนบล็อคในวันนี้มันเกิดขึ้นก็เพราะว่า...

พอดีวันนี้หลังจากที่ใช้เวลานอนเพียง 2 ชม.ครึ่งเมื่อคืนเพื่อปั่นรายงานให้เสร็จส่งทันวันนี้ แถมยังต้องนั่งหงุดหงิดกะ printer รุ่นเก่าเก็บที่มีสปีดในการพิมพ์หน้าสีหน้าละ 2 นาทีครึ่ง โอยมันเซ็งมาก.. แล้วก็ไปส่งรายงาน ส่งเสร็จก็รับหัวข้อรายงานอีกวิชาที่ต้องส่งวันอังคารทันที..
โอ้..นี่หรือชีวิตนิสิตรัฐศาสตร์!!!!

เข้าเรื่องดีกว่า ก็คือว่าตอนบ่ายหลังจากรับข้อสอบก็ไปเดินซูเปอร์ที่สยามพารากอนมา
บังเอิญเดินผ่านตู้ไอติม ก็ได้ไปเจอไอติมพวกนี้เข้า...
Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

เห็นแล้วก็คิดถึง... เพราะเป็นคนชอบกินไอติมไง สมัยอยู่ญี่ปุ่นนี่กินไอติมมันแทบจะทุกวัน ไม่ว่าแดดจะออก ใบไม้จะเปลี่ยนสี ดอกไม้จะผลิบาน หรือแม้กระทั่งหิมะตก ดิฉันก็ยังดำรงชีวิตอยู่ด้วยการกินไอติม... ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมถึงแบกร่างกายช้างน้ำกลับมาสู่มาตุภูมิได้

แล้วไอติมเหล่านี้เองซึ่งเป็นไอติมธรรมด๊าธรรมดา ที่ขายอยู่ที่ร้านสะดวกซื้อ ที่สามารถเดินออกจากหอไม่ถึงสามสิบก้าวก็ถึง แถมเป็นราคาถูกแสนถูกแบบว่าพกเหรียญไปเหรียญเดียวก็มีไอติมกลับบ้านหนึ่งแท่ง (ห่อ ชิ้น แล้วแต่)

เหรียญเหรียญเดียวที่ว่าตอนนั้นคือ "เหรียญ 100 เยน" (แต่โดยมากเค้าจะรวมภาษีด้วยกลายเป็น 105 เยน แต่จะบอกว่าซื้อได้ในราคาสองเหรียญมันจะไม่เท่ ฮ่าๆๆๆ)

ตอนที่อยู่ญี่ปุ่นนี่เงิน 100 เยนนับว่าเป็นเศษตังค์จัดๆ เอาไว้ซื้อขนมปัญญาอ่อน ปากกาลูกลื่น และไอติมได้เท่านั้นแล.. ซึ่งก็ไม่ต้องบอกเลยว่าไอติมมันช่างราคาถูกได้ถูกใจชั้นเหลือเกิน~~

(ในที่นี้ขอไม่รวมของสารพัดอย่างในร้าน 100 เยนแล้วกันนะ... ไม่งั้นมันจะดูเหมือนซื้อของได้เยอะไป ไม่ได้แสดงให้เห็นว่ามันคือขอถูก ฮ่าๆๆๆ)

แต่คุณคะ.. ไม่ทราบว่ารู้กันหรือไม่ พอไอติมราคาถูกแสนถูกของดิฉันในตอนนั้นเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาถึงประเทศไทย และยกระดับตัวเองด้วยการเป็นไอติมสัญชาติญี่ปุ่น และเข้าไปนอนแอ้งแม้งอยู่ในตู้แช่ของห้างสยามพารากอน ข้างๆกับไอติมสัญชาติอื่นอีกมากมา่ย..

มันราคาเท่านี้ค่ะคุณ...
Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

ไอติมถูกแสนถูกในตอนนั้น กลับกลายเป็นของที่แพงเกินกว่าจะรับได้ในตอนนี้... ทำไมเรื่องแบบนี้มันถึงเกิดขึ้นได้จอร์จ!!!!!!!

แต่จริงๆแล้วถ้าวัดกันดูอีกที ราคา 100 เยนนี่เทียบเป็นเงินไทยในสภาวะที่เงินบาทแข็งตัวเสียเหลือเกินนั้นก็น่าจะได้ราคาประมาณว่า 30 บาท

ถ้าเป็นเราในตอนนี้ ให้เอาตังค์สามสิบบาทไปซื้อไอติมห่วยๆเราคงไม่กินอ่ะ ไปกินไอติมวอลล์ได้ตั้งหลายอัน (โดยเฉพาะรสถั่วดำแท่งละ 5 บาทเนี่ยนะ.. เหอๆ)

เลยคิดถึงคำพูดของพี่ใหม่ตอนอยู่ญี่ปุ่นออกเลย ประมาณว่าเวลาซื้อของที่ญี่ปุ่นอย่าเอามาตรฐานเงินไทยมาวัด ไม่งั้นมันจะไม่ได้ซื้อซะอย่างแหละ เพราะัมันก็จะแพงไปหมด

ก็คิดดูสิคะ ซื้อโค้กกระป๋องนึงก็ 120 เยนเข้าไปละ กระป๋องละ 40 บาท (ราคาพอๆกับที่โค้กที่บุคคลที่เรียกตนเองว่าพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินสายการบินราคาถูกสายการบินหนึ่ง ออกเร่ขายให้ผู้โดยสาย ซึ่งเราขอไม่เรียกเค้าว่าพนักงานต้อนรับละกัน อยากเรียกว่าพนักงานขายของแทน เพราะไม่เห็นเค้าจะต้อนรับอะไรเราเท่าไหร่ เหอๆ อ่อ.. บนเครื่องมันราคากระป๋องละ 50 บาท) เอาไปซื้อข้่าวกินดีกว่าไหมคะ...

แปลกเน๊อะ.. ทั้งๆที่ตอนนั้นคิดว่าไอติมราคา 30 บาทนี่มันถูกเหลือเกิน แต่พอนั่งเครื่องบินไม่กี่ ชม. ความคิดก็เปลี่ยนไปซะแล้ว

3 comments:

Oakyman said...

เห็นที่ UFM Fuji มา

ซื้อไม่ลง

Anonymous said...

ค่าส่งมันแพงนี่คุณน้อง บินมาไม่พอ ต้องแช่ด้วย 555

noomai said...

อ่านแล้วงง ตกลงยังจะกินหรือไ่ม่กินเนี่ยะ แต่พี่กลับไปเมืองไทย ของญี่ปุ่นที่เคยซื้อได้ถูกๆแต่ไปขายซะแพงหูฉี่ที่เมืองไทย พี่ก็ไม่ค่อยซื้ออ่ะ ตอนนั้นไปเดินดูมูจิมา ยังซื้อไม่ลงเลยยยยย