สวัสดีค่ะ
ตั้งแต่กลับมาเมืองไทยก็ไม่ค่อยมีเรื่องเขียนจริงๆแฮะ
ก็หวังว่ามันจะเป็นแค่ช่วงนี้ พอเปิดเทอมแล้วหวังว่ามันจะมีเรื่องมาเล่าเยอะๆ
ไม่ใช่ว่าอยากเล่าอะไรมากมายหรอกนะ แต่ว่ามันเบื่ออออ ม่ายมีอารายทำเลยยยยยยย แหงะ
แล้วจริงๆเรื่องที่จะมาเขียนนี่ก็ไปดูมาตั้งแต่เมื่อวันศุกร์แล้วล่ะ
เป็นหนังที่เข้าที่ญี่ปุ่นตั้งนานแล้ว คือ Death Note นั่นเอง
แต่ตอนอยู่ที่ญี่ปุ่นไม่ได้ไปดู เพราะ...
หนึ่ง. อาจจะฟังไม่ออก
สอง. ค่าตั๋วแพง
สาม. ไม่มีคนไปดูด้วย
คิดว่าหลายๆคนคงไปดูมาแล้ว หรือว่ารู้จักหนังเรื่องนี้เป็นอย่างดี เพราะตอนเป็นการ์ตูนก็ดังซะ (ยังไม่ได้อ่านเลย กะว่าจะไปซื้อมาอ่านอยู่เนี่ย) แล้วตอนนี้ที่เมืองไทยก็ดังทีเดียวนะ (อ่านในพันทิป เห็นคนพูดถึงเยอะ คิดว่าดังชัวร์ แหม.. เป็นเว็บไซท์วัดเรตติ้งที่ดีจริงๆ)
รวมถึงมีคนวิจารณ์หนังเรื่องนี้มากมาย แต่ส่วนใหญ่จะวิจารณ์ในแง่ของเนื้อเรื่อง โดยเปรียบเทียบกับต้นฉบับที่เป็นการ์ตูน เช่น เนื้อเรื่องที่เปลี่ยนไปจากการ์ตูน แอลหน้าตาเหมือนในการ์ตูนมาก (มีคนมาด่าชะนีที่กรี๊ดๆแอลในโรงหนังด้วย เฮ้อ.. อันนี้น่าด่าจริงๆ มาดูหนังนะยะไม่ได้มาดูคอนเสิร์ต กาละเทศะน่ะมีกันบ้างม๊างงง) รวมถึงมีคนมาบอกว่าไลท์หน้าบาน กรี๊ดดดด ชั้นออกจาชอบ น่ารักจาตาย แต่ดีละไม่มีคู่แข่งหัวใจ หุหุ
แต่ไม่ยักกะเห็นมีใครวิจารณ์ในแง่เนื้อหาที่มันสื่อให้เห็นถึงสังคมสักเท่าไหร่
(สงสัยไม่มีใครบ้าเท่าเรา..)
ไม่อยากจะไปวิจารณ์แข่งกะคนอื่น ขอมาเขียนวิจารณ์บ่นๆเนียนๆในบล็อคของตัวเองก็แล้วกันนะ อ่ะเหอๆๆๆ
ก่อนจะอ่านต่อไป ต้องขออกตัวก่อนว่าความรู้ทางวิชาการของเรามันช่างเหลือน้อยนิดเหลือเกิน หากพูดอะไรออกไปไม่ค่อยแสดงถึงความพัฒนาทางสมองต้องขออภัยคุณผู้อ่านมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
Death Note (ขอเล่าเรื่องในหนังแล้วกันนะ ไม่ได้อ่านการ์ตูนน่ะ) เป็นเรื่องเกี่ยวกับเด็กหนุ่มมหาวิทยาลัยธรรมดาๆคนหนึ่ง คือ "ยางามิ ไลท์" ซึ่งเสื่อมศรัทธาต่อระบบยุติธรรมที่ไม่สามารถลงโทษผู้กระทำผิดได้ และยังปล่อยให้บุคคลเหล่านั้นลอยนวลอยู่ในสังคมและยังกระทำผิดอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ... จนมาวันหนึ่งเขาได้พบสมุดเล่มหนึ่งตกอยู่ระหว่างทาง โดยที่สมุดเขียนไว้ว่า หากเขียนชื่อผู้ใดลงไปคนผู้นั้นจะมีอันเป็นไปภายใน 40 วินาที..
นับตั้งแต่วันนั้นไลท์ก็ได้ใช้ชีวิตดั่งผู้พิพากษา โดยการประหารชีวิตผู้กระทำผิดมากมายผ่านปลายปากกาของเขา
จนมาวันหนึ่งการกระทำของเขาซึ่งถูกยกย่องโดยผู้คนจำนวนมากว่าเป็นดั่งผู้พิทักษ์ความยุติธรรม และถูกขนานนามว่า "คิระ" กลับถูกมองว่าไม่ต่างอะไรกับการกระทำของอาชญากร พ่อของเขาซึ่งเป็นตำรวจได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบทำคดีนี้ โดยมีผู้ช่วยลึกลับชื่อว่า "แอล"
เมื่อถูกติดตามสืบหาว่าตัวจริงของคิระที่แท้จริงนั้นเป็นใคร ตัวของไลท์เองก็ตกเป็นผู้ต้องสงสัยด้วยเช่นกัน ทำให้นอกจากที่เขาจะสังหารผู้กระทำผิดในตอนแรก เพื่อไม่ให้ถูกจับตัวได้ทำให้เขาปลิดชีวิตผู้คนบริสุทธิ์อีกมากมายเพื่อให้เขารอดจากการตกเป็นผู้ต้องสงสัย และเพื่อเข้าไปอยู่ในทีมสืบสวนที่พ่อของเขารับผิดชอบอยู่นั่นเอง
(ขอไม่เล่ามากกว่านี้ เดี๋ยวจะเป็นการสปอยล์)
ถ้าจะให้พูดเกี่ยวกับเรื่อง "อำนาจ" จริงๆแล้วพยายามจะไปคุ้ยหนังสือที่เคยเรียนตอนปีหนึ่งมาลอกๆ แต่ลืมไปว่ายกให้รุ่นน้องไปเสียแล้ว เหอๆ ทำให้ต้องมานั่งนึกว่าจริงๆแล้วมันคืออะไรกันนะ
จริงๆแล้วคำว่า "อำนาจ" ก็มีนักวิชาการมากมายทั่วโลกให้คำจำกัดความมัน เมื่อกี้ลองแอบไปดู wikipedia ว่าด้วยเรื่องอำนาจแล้วก็เห็นว่าเรื่องมันยาวจริงๆ ขอเอาเรื่องอำนาจที่เคยเรียนมา แล้วก็ยังจำได้มาพูดให้ฟังละกัน
อำนาจ.. ตามแนวคิดของใครไม่รู้จำไม่ได้ สามารถแบ่งได้เป็นสามมิติ คือ
1. อำนาจในการทำให้ผู้อื่นกระทำตามที่ตนต้องการ โดยที่ผู้อื่นจะเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ได้
2. อำนาจในการปฎิเสธที่จะไม่ทำ และ
3. อำนาจในการควบคุม ครอบงำความคิดของผู้อื่น
พอดูหนังเรื่องนี้จบ... ความคิดเรื่องอำนาจมันก็ผลุบขึ้นมาทันที
ถ้าแบ่งอำนาจเป็นสามมิติตามที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว ก็สามารถเชื่อมโยง "อำนาจ" ของไลท์ที่ได้มาจากสมุด Death Note (รู้สึกชื่อไทยจะเรียกว่า สมุดกระชากวิญญาณ ... ในที่นี้ขอไม่ใช้ชื่อนั้น เหอๆ) ได้ว่า อำนาจที่เขาครอบครองอยู่นั้นเป็นลักษณะของอำนาจที่สามารถเอาเชื่อมโยงกับทฤษฎีดังกล่าวได้
กล่าวคือ ในมิติที่ 1 เขาสามารถใช้อำนาจของเขาทำให้ผู้อื่นทำตามได้ โดยที่ผู้อื่นไม่ได้เต็มใจ ในที่นี้คือสั่งให้ไปตายนั่นเอง เหอๆ ... แต่ออกจะแปลกๆซะหน่อย เพราะผู้ที่ถูกใช้อำนาจนั้นไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังถูกใช้อำนาจด้วยอยู่
มิติที่ 2 จริงๆแล้ว เขามีอำนาจที่จะไม่ใช้อำนาจของสมุดเล่มนั้นได้ คือในที่นี้ไม่มีใครบังคับให้เข้าใช้สมุดเล่มนั้นใช่ป่ะล่ะ แต่เขาก็เลือกที่จะใช้มันทั้งๆที่เขามีอำนาจในการปฏิเสธ ซึ่งจะส่งผลต่อชีวิตเขาต่อมา...
มิติที่ 3 การกระทำของไลท์ หรือที่ผู้คนรู้จักเขาในชื่อของคิระนั้น เป็นการครอบงำความคิดของชาวบ้านเดินถนนทั่วไปว่าการกระทำของเขาเป็นสิ่งที่ถูกต้อง โดยในเรื่องไม่ได้กล่าวว่าประชาชนทั่วไปรู้เรื่องว่านอกจากอาชญากรที่เขาฆ่านั้นเขาได้สังหารคนบริสุทธิ์อีกด้วย ดังนั้นขอเดาว่าคนทั่วไปไม่รู้... ดังนั้นคนทั่วๆไปจึงเชื่อว่าเขาเป็นดังผู้ผดุงความยุติธรรมนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม.. เมื่อไลท์ได้อำนาจที่ไม่มีใครสามารถหยุดได้แล้วนั้น จากความมุ่งหวังในตอนแรกๆที่จะทำลายเฉพาะอาชญากร ในตอนหลังเขายังนำอำนาจที่เขามีไปใช้กับผู้อื่นซึ่งผิดจากจุดมุ่งหมายแรกของเขา และเป็นการปิดบังไม่ให้คนอื่นรู้ในการกระทำของเขา
เมื่อมองเช่นนี้แล้วจะเห็นได้ว่าเมื่อมนุษย์มีอำนาจแล้ว หลายคนนักที่จะหลงและมัวเมาไปกับอำนาจที่ได้มานั้น จากตอนแรกตั้งใจจะทำอย่างนี้ เมื่อหลงไหลไปกับมันแล้วก็ทำให้จุดประสงค์ในตอนแรกนันค่อยๆจางหายไป กลับกลายเป็นการนำอำนาจมาใช้เพื่อเอื้อประโยชน์แก่ตัวเองเท่านั้น ในที่นี้คือการที่ไลท์พยายามไม่ให้ใครรู้ว่าตัวเองคือคิระ เป็นการปกป้องอำนาจที่ตัวเองได้มา และเพื่อจะไม่ให้เสียมันไปนั่นเอง
สรุปแล้ว.. เราสามารถเอาความคิดจากเรื่องรอบตัวมาตีความสังคมของเราในปัจจุบันได้นะ เราว่าเรื่องนี้พยายามจะบอกเราว่าผู้ใดเมื่อมีอำนาจที่ยิ่งใหญ่เลย จากความคิดอย่างหนึ่ง อาจจะเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างหนึ่งได้ เพราะฉะนั้นถ้าไม่อยากจะโดนอำนาจครอบงำตัวเราเอง เมื่อเราสามารถปฎิเสธได้ ก็ปฎิเสธมันไปเสียบ้างเถอะค่ะ
ดังนั้นก็ไม่แปลกที่คนหลายๆคน เมื่อมีอำนาจแล้วจะนำอำนาจที่ตัวเองมีไปใช้เพื่อเอื้อประโยชน์แก่ตัวเอง ... ใช่ไหมล่ะคะ
3 comments:
พระเอกหน้าบานง่ะ
แถมเลวกว่าในการ์ตูนอีก
สงสัยกลัวเด็กเลียนแบบมั้ง
เอ่อ...เสร่อมาแต่ไกล....อยากจะบอกว่าฉานม่ายรู้จักง่ะ.....เพื่อนมันก็เคยพูดให้ฟัง....บ้านนอกสุดขีด.....
อืมส่วนเรื่องอำนาจ...ก็แค่อยากให้คนที่มีอำนาจ...หยุดคิดสักนิดก่อนที่จะใช้....คิดถึงคนที่อยู่ใต้อำนาจนั้น....แค่เอาใจเขามาใส่ใจเรา...แค่นี้ก็คงพอ....
ดีมาก ๆ
มีคนวิเคราะห์ Death Note ให้อ่านแล้ว
พี่ดูทั้งที่ญี่ปุ่นทั้งที่ไทยเลย
ดูแบบมีซับสนุกกว่า เพราะรู้เรื่องตอนที่มันพูดกันยาก ๆ
หนังมันดีน่อ
การ์ตูนมันก็ดีมาก
Post a Comment