Saturday, March 12, 2011

ประสบการณ์ตรงจากพี่ชายคนหนึ่งเมื่อประสบเหตุแผ่นดินไหวในญี่ปุ่น

นำมาจากบล็อคของพี่ชายคนหนึ่งที่ทำงานที่ญี่ปุ่นค่ะ อยากให้ทุกคนได้อ่านกัน
ขอให้เพื่อนๆทุกคนปลอดภัยนะคะ เป็นห่วงทุกคนมากค่ะ

**********************************



วันศุกร์ที่ 11 มี.ค. 2554 เป็นวันหนึ่งที่ผมจะจดจำไปตลอดชีวิต เพราะเป็นวันที่ญี่ปุ่นประสบหายนะแผ่นดินไหวที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติ ศาสตร์ โดยศูนย์กลางอยู่ที่เมืองเซ็นได จังหวัดมิยากิ (หนึ่งในเมืองที่นักท่องเที่ยวไทยชอบไปเที่ยว) อยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น ซึ่งวัดความสั่นสะเทือนได้ถึง 8.9 ริกเตอร์ ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่คนญี่ปุ่นยังไม่เคยพบเจอมาก่อน

เหตุการณ์ ได้เกิดขึ้นเมื่อเวลาบ่าย 2.48 นาที ผมกำลังนั่งทำงานอยู่ จู่ๆเหมือนกับรู้สึกว่าที่ทำงานได้เคลื่อนไหว ผมได้จ้องมองนาฬิกา พบว่านาฬิกาได้แกว่งไปแกว่งมา โดยปกติแล้วเมื่ออยู่นานๆที่นี่จะเริ่มชินกับแผ่นดินไหวจะไม่ลุกไปไหน จนกระทั่งมันริ่มแรงขึ้น ผมกับเจ้าหน้าที่ หัวหน้าจึงได้ออกมาออกมาจากสำนักงาน ทันไดนั้นแผ่นดินไหวก็เริ่มแรงขึ้น จนทำให้ตึกที่ทำงานโยกไปโยกมา ม่านกันแดดแกว่งไกวซึ่งตึกที่ผมทำงานนั้นเป็นตึกที่สร้างอย่างแข็งแรง ยังไหวอย่าง่ายดาย

ผมได้ไปที่ต้นไม้ใหญ่เห็นผู้หญิงญีปุ่นได้นั่งลงเกาะต้นไม้แต่ไม่สามารถทน ความแรงของแผ่นไหวได้ เลยมาขอจับแขนผมไว้ ด้านหลังผมก็เป็นสถานีรถไฟ JR ซึ่งเป็นรถไฟสายวิ่งรอบเมืองที่สำคัญของโตเกียว ได้สั่นเหมือนจะพังลงมา รถไฟได้จอดไม่ขยับ ผู้โดยสารได้ติดอยู่บนรถไฟไม่สามารถออกมาได้จนกว่าจะสำรวจว่าปลอดภัยแล้ว ผมจึงได้รีบไปเก็บของที่สำนักงาน แต่ปรากฎว่าได้เกิด After Shock เกิดขึ้นหลายครั้ง ผมจึงได้นำเจ้าหน้าที่ทั้งหมดเดินไปที่สวนสาธารณะฮิบิย่า เพราะที่นั่นเป็นสวนสาธารณะใหญ่ที่กว้าง ปลอดภัยจากตึกหรือกระจกที่จะแตกลงมา (รูปด้านบน) ในขณะที่เดินไปได้สังเกตุว่าถนนมีรอยแตกอยู่มากมาย ซึ่งยิ่งทำให้ตกใจมากขึ้น ร้านค้าแถวที่ทำงานได้มีคนญี่ปุ่นแห่เข้าไปซื้อน้ำของกันจนหมดเกลี้ยง ร้านแม็คก็ไม่มีขายแฮมเบอร์เกอร์ (ขายเฉพาะน้ำ) โทรศัพท์ได้ถูกตัดขาดไม่สามารถติดต่อใครได้ ผมได้นึกถึงหนังเรื่อง 2010 และ Nihon Shinbotsu (ญี่ปุ่นจมหาย) ไม่นึกว่าผมจะได้มีประสบการณ์แบบนี้

ผู้คนไม่สามารถใช้รถได้ จึงเปลี่ยนเดินทางโดยเท้ากลับบ้าน บางคนซื้อจักรยาน เพื่อขี่กลับบ้าน รถบัสและรถส่วนตัวเป็นทางเลือกสุดท้าย แต่ช่วงเวลาดังกล่าวนั้น เส้นทางต่างๆได้ถูกปิดกั้น ทางขาด น้ำท่วม จึงทำให้รถติดมาก ผมจึงได้รับอาสาส่งพนักงานไปที่บ้าน จนถึงตอนกลุ่มสุดท้าย แต่เนื่องจากรถไฟยังไม่เปิดให้บริการ เพื่อนๆกลุ่มที่เหลือจึงไปพักบ้านหัวหน้า กว่าจะถึงก็เป็นเวลาเที่ยงคืน คนญี่ปุ่นบางคนกลับบ้านไม่ได้ต้องหาที่นอนตามที่ต่างๆ ที่เขตโตเกียวจัดให้ โรงแรมแถบนั้นได้ถูกจองเต็มเรียบร้อยแล้ว มือถือก็ยังไม่สามารถติดต่อได้ พยายมกดไปแจ้งที่บ้านได้ก็ประมาณตี 1ครับ (บ้านหัวหน้าห่างจากที่ทำงาน 4 กิโล ใช้เวลาขับรถ 1.30 ชั่วโมง) ผมได้มองไปข้างนอก เห็นรถติดกันเป้นแถวยาวแม้จะเป้นตี 1 ก็เหมือนกับช่วงเลิกงาน แผ่นดินไหวจะคงสั่นไปเรื่อยๆ ยิ่งตอนตี 4 รับรู้ได้มากในโตเกียว แต่ที่ผมสงสารมากก็คือ เมืองเซ็นได จังหวัดมิยากิ ถึงแม้รัฐบาลจะทำการแจ้งซึนามิล่วงหน้าก็จริง แต่คลื่นที่สูงที่ 10 เมตร ได้ทำลายกวาดบ้านเรือนแถวนั้น และได้พบศพลอยเกลื่อนกลาด 200 - 300 คน เกือบทั้งหมู่บ้าน บ้านเรือนกว่า 4,500,000 หลัง ไม่มีไฟใช้ ซึ่งตอนเหนือยังคนมีหิมะตกหนักอยู่ ตอนนี้ (15.10 น. เวลาญี่ปุ่น วันที่ 12 มี.ค. 54) ได้พบศพไปกว่า 600 รายแล้ว ซึ่งคิดว่าจะเป็นพันในไม่ช้า (ยังไม่รวมกับผู้บาดเจ็บ)

ถึงแม้เข้าตอนเช้าแล้วก็ยังมีแผ่นดินไหวเป็น ระยะระยะ รถไฟบนดินกว่าจะให้บริการได้ก็ช่วงเที่ยง จากการฟังวิเคราะห์ของเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่น พบว่าต่อไปภายใน 1 เดือนนี้จะมีแผ่นดินไหว มากกว่า7 ริกเตอร์อีกครั้ง และอาจจะมีเป็นระลอกเล็กๆ เพื่อนที่จะเดินทางญี่ปุ่นในช่วงเดือนเม.ย. ขอให้ระมัดระวังตัว อย่าตื่นตกใจ (แม้แต่ผมพิมพ์ตอนนี้แถวบ้านก็ยังแผ่นดินไหวอยู่) และผมหวังว่าเมืองไทยจะไม่เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงแบบนี้ครับ

No comments: