หายไปนาน ต้องขออภัยทุกคน
เพิ่งกลับมาจากเนเธอร์แลนด์เมื่อวาน เจ็ทแล็ก..หลับไปตื่นบ่ายโมงเลย เหอๆๆๆ
อ่ะ ตอนนี้คงรู้กันแล้วจากจั่วหัวว่าเราไปไหนมา
แต่เนื่องจากว่าเรื่องมันยาวมาก แหมไปมาตั้งสิบวัน เลยขอแบ่งเรื่องนี้เป็นไตรภาคก็แล้วกันนะเออ
ภาคแรกขอให้เป็นเรื่องของเนเธอร์แลนด์ล้วนๆ ภาคสองเป็นเรื่องของเบลเยี่ยม ส่วนเรื่องสุดท้ายจะเป็นเรื่องของฝากนะ ขอให้ติดตามอ่านกันทุกๆตอนนะแฟนๆ
ไปถึงเนเธอร์แลนด์ตั้งแต่เช้าวันที่ 25 เมษายน นัดเจอกับกิ๊ฟท์ที่สนามบิน Schiphol เมือง Amsterdam นั่งรถไฟสู่เมือง Utrecht
จังหวัดอูเทรกต์ ซึ่งเป็นจังหวัดที่เล็กที่สุดในบรรดา 9 จังหวัดของเนเธอร์แลนด์ เมืองอูเทรกต์มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสี่ของประเทศ ประชากรประมาณ 250,000 คน (ไม่รวมเขตปริมณฑล)
อูเทรกต์ถือเป็นเมืองชุมทางของรถไฟเนื่องจากตั้งอยู่ใจกลางของประเทศ ประวัติของเมืองอูเทรกต์สามารถนับย้อนได้ในสมัย ค.ศ. 47 ทหารโรมันได้ตั้งป้อมปราการเป็นสัญลักษณ์บอกอาณาเขตทางตอนเหนือของอาณาจักรโรมัน ต่อมาชนเผ่าเยอรมันได้ยึดเมืองและขับไล่ทหารโรมันออกไป อูเทรกต์จึงอยู่ภายใต้อิทธิพลของเยอรมันนับจากนั้น ในช่วงสมัยกลาง อูเทรกต์ถือเป็นเมืองที่สำคัญทางเขตเนเธอร์แลนด์ทางตอนเหนือ มีพระคาทอลิกตำแหน่ง bishop เป็นผู้ปกครอง
ต่อมาในปี 1579 แคว้นทางตอนเหนือทั้งเจ็ดได้ตกลงร่วมมือต่อต้านทำสงครามกับสเปนด้วยข้อตกลง Union of Utrecht และถือเป็นจุดเริ่มต้นของประเทศเนเธอร์แลนด์ นอกจากนี้ในปี 1713 อูเทรกต์ยังเป็นสถานที่เซ็นสนธิสัญญา สงบศึกระหว่างสเปน ฝรั่งเศส อังกฤษ ที่รู้จักกันในชื่อ Treaty of Utrecht
เอาของไปเก็บที่ห้องของกิ๊ฟท์ก่อน โอ้ววว ห้องไฮโซมากกกกกก
แวะชมมหาวิทยาลัย Utrecht ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุดของเนเธอร์แลนด์กันก่อน อันนี้เป็นห้องสมุด ออกแบบได้เท่มากกกก
ระหว่างนั้นก็ไปเดินเที่ยวในเมือง Utrecht ระหว่างทางเจอคนกลุ่มหนึ่งนั่งปิกนิคกันกลางถนน เหอๆๆๆ โดยไม่สนใจสายตาผู้คนที่เดินผ่านไปมา (สังเกตุคนสายตาคนรอบข้างที่มอง)
ไปถึงสถานที่สำคัญของเมือง Utrecht คือ Dom Church & Garden โบสถ์ทรงโกธิคขนาดใหญ่และมียอดสูงที่สุดของเนเธอร์แลนด์ สร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 14 เดิมตัวโบสถ์กับหอคอยเคยเชื่อมติดกันแต่ได้พังลงมาเมื่อเกิดพายุเฮอริเคนในปี 1674
และ Oude Gracht (Old Canal) คลองสองชั้นเพียงแห่งเดียวของเนเธอร์แลนด์ ตรงชั้นล่างส่วนใหญ่จะเป็นร้านอาหารให้คนออกมานั่งริมน้ำ บรรยากาศดียิ่งนัก
จบวันแรกโดยการไปเยี่ยมชมสุสานจักรยานที่ตั้งอยู่แถวสถานีรถไฟ เหอๆๆๆๆ
....................................................................
วันที่ 26 เมษายน... ไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษ แต่วันนี้เดี๊ยนออกมาช็อปปิ้งเครื่องครัวที่ IKEA ค่ะ หุหุ
กิ๊ฟท์และบรรยากาศข้างในร้าน
ตอนเย็นมีปาร์ตี้อาหารไทยเล็กๆกับเพื่อนกิ๊ฟท์
ในรูปคือ แอน (ญี่ปุ่น) เรา เดวิด (อังกฤษ) กิ๊ฟท์ และลาส์ (เนเธอร์แลนด์)
........................................................................................
วันที่ 27 เมษายน เดินทางสู่กรุง Amsterdam ซึ่งเป็นเมืองหลวงของราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ ซึ่งถือว่าเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุด
อัมสเตอร์ดัมถือเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศ ประชากรทั้งสิ้น 743,000 คน ตั้งอยู่เขตจังหวัด North Holland แต่เดิมพื้นที่แถบนี้เป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมงในศตวรรษที่ 12
ชื่อของอัมเสตอร์ดัมมาจาก ชาวประมงสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำ อัมเสทล (Dam in the Amstel) ก่อนที่จะเพี้ยนเป็นอัมสเตอร์ดัม เมืองอัมสเตอร์ดัมเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในฐานะที่เป็นเมืองท่าค้าขาย หลังจากที่เป็นอิสระจากการยึดครองของสเปนอัมเสตอร์ดัมกลายเป็นแหล่งรวมของชนหลายเชื้อชาติ (เช่น ฝรั่งเศส แฟลนด์เดอร์ ยิวจากสเปนและโปรตุเกส) ที่หลบหนีการกดขี่ทางศาสนาเข้ามาและได้ผสมกลมกลืนกลายเป็นคนดัชต์ในปัจจุบัน เขตตัวเมืองเก่าของอัมเสตอร์ดัมและคลองที่รอบๆ รูปใยแมงมุม ในปัจจุบันสร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 17 ซึ่งในเวลานั้นถือเป็น Dutch Golden Age
ในด้านการทำการค้าขาย กรุงอัมสเตอร์ดัมถือว่าเป็นเมืองที่รวยที่สุดในโลก ต่อมาในช่วงศตวรรษที่ 18-19 เกิดสงครามระหว่างดัชต์กับอังกฤษทำให้กรุงอัมเสตอร์ดัมลดความสำคัญลง และกองทัพฝรั่งเศสได้ยึดครองอัมเสตอร์ดัม ต่อมาในปี 1815 กรุงอัมสเตอร์ดัมเป็นอิสระและได้ฟื้นฟูขึ้นมาใหม่อีกครั้งและเข้าสู่ช่วงที่สองของยุคทอง ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เยอรมันได้บุกยึดอัมสเตอร์ดัม และได้สังหารชาวยิวมากมาย จนเป็นที่มาของตำนานชื่อก้องโลก แอน แฟรงค์ ปัจจุบันประชากรในอัมเสตอร์ดัมกว่า 45% ไม่ใช่ชาวดัชต์แท้ และกว่า 70% ของคนจำนวนนี้เป็น non western ชาวดัชต์แท้ได้ย้ายไปตั้งถิ่นตามเมืองอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียงและห่างออกไป
ภาพที่เห็นด้วนหลังคือจตุรัตร Dam กลางเมือง Amsterdam
และเนื่องจากในอีกสองวันต่อมาจะมีงานเลี้ยงในวัน Queen's Day เลยมีคนเอาสวนสนุกมาตั้ง ปิดบังทิวทัศน์อันสวยงามของ Royal Palace ไปหมดเลย เซ็งงงง
้อ้อ นอกจากนี้หลายๆคนคงเคยได้ยินชื่อเสียงของ Amsterdam ในเรื่องย่านของการค้าประเวณีที่ชื่อว่า Red light district กันมาบ้างแล้ว ... เราได้ใช้ความกล้าและความหน้าด้านส่วนหนึ่งถ่ายรูปหญิงสาวในชุดชั้นในที่อยู่ในตู้กระจกมาให้ดูกัน เหอๆๆๆ ซึ่งหลังจากนั้นสาวเจ้าก็ตะโกนด่าเราเล็กน้อย แต่เราเฉยๆ เพราะเราฟังไม่ออก ฮ่าๆๆๆ นี่ทำเพื่อคุณผู้อ่านเลยนะเนี่ยยยย
ต่อไปหลังจากทีเดินหลงกันมาสักระยะหนึ่ง เราก็ได้เจอบ้านของ Anne Frank!!!
สำหรับแฟนๆหนังสือคงได้เคยอ่าน Anne Frank: Diary of a young girl หรือ บันทึกลับของแอน แฟรงค์ กันมาบ้างแล้ว เราก็อ่านมาเหมือนกันเลยอยากจะมาเยี่ยมสถานที่จริงที่หนูแอนหลบซ่อนภัยล้างเผ่าพันธุ์ยิวของฮิตเลอร์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
แต่ว่า เนื่องจากคนต่อแถวยาวมากกกกกกกกกกก เลยไม่ได้เข้าไปข้างใน เหอๆ
แต่ได้รูปบ้านมาฝากกันนะคะ
หลังจากนั้นก็ไปเดินที่ย่านช็อปปิ้งใน Amsterdam แล้วก็เจอสาวๆในชุดบิกินี่กำลังถ่ายแบบกันอยู่พอดี
แล้วก็ไปเจอกับเพื่อนกิ๊ฟท์ และเพื่อนของเพื่อนกิ๊ฟท์ คือ พี่เมย์ และมาริซอล (สเปน)
ไปเยี่ยมชมตลาดดอกไม้กลางเมือง Amsterdam
และปิดท้ายด้วยรูปกระต่ายน้อย (สังเกตน้องชายของกระต่ายให้ดี เหอๆๆๆ)
..........................................................................................
วันที่ 28 เมษายน วันนี้ไม่มีกิจกรรมอะไรพิเศษ เรากับกิ๊ฟท์ถีบจักรยานออกไปยังสถานที่สำคัญอีกที่หนึ่งใน Utrecht นั่นคือบ้านที่ได้เป็น World herritage จาก UNESCO ซึ่งสร้างในปี 1924 ชื่อว่า Rietveld Schröder House
มารู้ในภายหลังว่าบ้านนี้มันเข้าไปข้างในได้ แต่ว่าต้องไปซื้อบัตรที่ใจกลางเมือง เหอๆๆๆ ตอนนั้นไม่รู้ไงเลยได้แต่ถ่ายรูปจากกล้องที่อยู่ด้านนอก ได้ภาพเฟอร์นิเจอร์ด้านในมาให้ดูกัน
ไม่น่าเชื่อว่าสร้างมาเกือบร้อยปีแล้ว ดูเป็นการออกแบบที่ดูโมเดิร์นมั่กๆ
หลังจากนั้นก็ขี่จักรยานผ่านสวน เจอหนุ่มสาวในชุดว่ายน้ำนอนอาบแดดกันอยู่ นึกว่าอยู่ทะเลกันนะนี่ ฮ่าๆๆๆ
เย็นวันนั้นออกไปทานอาหารกรีกกับสมาคมนักเรียนต่างชาติ (เรามั่วไปมากๆ เหอๆ)
และได้คุยกับเพื่อนนานาชาติกันอีกแล้ว คือแพทริเซีย (ฮังการี) และฟรานเชสก้า (อิตาลี)
พอจบจากอาหารกรีกก็มีไปดื่มๆกับเพื่อนกิ๊ฟท์กันต่ออีกเล็กน้อย คือ อลิเชีย (อิตาลี ผมเท่มากยังกะจีไอเจน) อิชมีน่า (กรีซ) และ คลอเดีย (เม็กซิโก)
.........................................................................................
29 เมษายน .. วันนี้เดินทางมาสู่เมือง Leiden เพื่อนั่งรถบัสต่อไปยังสวนดอกไม้ตามที่ทุกคนรอคอย ระหว่างนั้นก็ดูแถวคนที่ต่อเพื่อซื้อตั๋วรถบัสและตั๋วเข้าสวนกันไปพลางๆก่อน
ส่วนดอกไม้ที่จะไปกันวันนี้เป็นสวนดอกไม้ที่ชื่อดังมากชื่อว่า Keukenhof รูปดอกไม้รูปแรกที่พามาชมคือดอกทิวลิปสีดำที่เค้าว่ากันว่ามีที่ประเทศนี้ประเทศเดียวนะเนี่ย
ต่อด้วยรูปเราและดงดอกไม้
และรูปเรากับกิ๊ฟท์ในดงดอกไม้อีกเช่นเดิม
แต่ว่าขอสารภาพ... ที่เห็นดอกไม้เยอะๆเนี่ยนะใช้เทคนิคในการถ่ายภาพช่วยให้มันดูเยอะๆ จริงๆแล้วมันใกล้หมดฤดูแล้ว ดอกไม้ส่วนใหญ่โดยตัดจนโกร๋นหมด แงแงแงแง
ความจริงมันเป็นแบบนี้
เพื่อทดแทนความผิดหวัง เอารูปกังหันลมอันใหญ่มาฝากด้วย
หลังจากนั้นก็ออกจาสวนดอกไม้ออกมาชมเมือง Leiden
แถมภาพเมือง Leiden ให้อีกรูป เป็นภาพที่ถ่ายจากป้อมปราการมุมสูงของเมือง
................................................................
30 เมษายน พามาชมบรรยากาศพร้อมกับร่วมฉลองเทศกาลวันพระราชินีกับชาวดัชต์ เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระราชินีจูเลียน่า พระราชมราดาของสมเด็จพระราชินีเบียอาทริกซ์ ประมุขของราชอาณาจักรเนเธอร์แลนดองค์ปัจจุบัน เนื่องจากประเพณีนี้สืบปฏิบัติต่อกันมานาน ทางรัฐบาลจึงไม่ได้เปลี่ยนวันฉลองเมื่อเปลี่ยนรัชกาล วันนี้ถือเป็นเทศกาลเฉลิมฉลองยิ่งใหญ่ที่สุดของชาวดัชต์
เราแอบเนียนใส่เสื้อส้มไปกับชาวบ้านเค้าด้วย
ภาพชาวดัชต์ออกมาเดินบนถนนหนทางในวันสำคัญ
..........................................................................
1 พฤษภาคม วันนี้มีนัดกับเพื่อนคนดัชต์ที่เป็นเพื่อนบ้านกันตอนที่อยู่ญี่ปุ่นชื่อว่า Joanne โดยเค้าจะพาเราไปที่เมือง Den Haag หรือที่รู้จักกันดีในชื่อของ The Hague ซึ่งเป็นเมืองหลวงของจังหวัด South Holland และเป็นเมืองใหญ่อันดับสามของประเทศ มีประชากรทั้งสิ้น 475,000 คน
กรุงเฮกหรือที่เรียกว่า Den Haag มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า 's-Gravenhage เป็นตั้งของรัฐสภา สถานที่ราชการ ศาลฎีกา สถานทูตของชาติต่างๆ และยังเป็นที่ตั้งของพระราชวังและที่ทรงานของสมเด็จพระราชินีเบียอาทริกซ์
กรุงเฮกถือกำเนิดขึ้นมาในคริสศตวรรษที่ 13 โดยพระเจ้าวิลเลี่ยมที่สอง พระองค์ต้องการสร้างปราสาทในป่าริมฝั่งทะเลหนือเพื่อเป็นสถานที่พักผ่อนหลังจากพระองค์สละราชสมบัติ แต่พระองค์ก็สิ้นพระชนม์เสียก่อนในสงครามก่อนที่จะได้มาประทับอยู่ที่นี่ หลังจากนั้นผู้ปกครองยุคหลังได้ใช้ปราสาทแห่งนี้เป็นศูนย์กลางการปกครองเมืองรอบข้างได้แก่ ไลเด้น เดลฟ์ ดอร์เดรกต์
ในสมัยนั้นตกลงกันว่าจะเลือกเมืองเล็กที่ไม่มีความสำคัญอะไรอย่างเมืองเฮกเป็นศูนย์กลาง ในอดีตกรุงเฮกไม่ได้รับอนุญาตให้สร้างกำแพงเมืองเนื่องจากต้องการให้เฮกเป็น
แค่หมู่บ้านเล็กๆ ในที่สุดเฮกก็ถูกกองทัพสเปนยึดเนื่องจากไม่มีกำแพงเมืองในช่วงระหว่างสงครามแปดสิบปี ชื่อของกรุงเฮกเพิ่งถือกำเนิดขึ้นในปี 1804 เมื่อกองทัพฝรั่งเศสเข้าครอบครองและขนานนามหมู่บ้านแห่งนี้ว่า เฮก และยกฐานะเป็นเมือง หลังจากนั้นประวัติศาสตร์ความเป็นเมืองของเฮกจึงได้เริ่มต้นขึ้น ย่านกลางเมืองของกรุงเฮกไม่มีประวัติศาสตร์อะไรที่สำคัญเนื่องจากเมืองเพิ่งเริ่มจะขยายตัวในช่วงคริสตศตวรรษที่ 19-20 นี่เอง เป็นสถานที่ตั้งของสถาบันการปกครอง ซึ่งแตกต่างจากเมืองอื่นๆ รอบข้างเช่น ไลเด้น ดอร์เดรกต์ เดลฟ์ ที่ขยายตัวมาในช่วงก่อนหน้านี้ก่อนจะที่จะลดความสำคัญลงไปในช่วงหลัง
ตึกรัฐสภา Het Binnenhof หรืออดีตปราสาทของพระเจ้าวิลเลี่ยมที่สอง
ถ่ายกับ Joanne ที่เมืองจำลอง Madurodam ซึ่งย่อส่วนสถานที่สำคัญต่างๆ ของเนเธอร์แลนด์มาไว้ที่นี่ แอบคิดถึงเมืองจำลองที่พัทยายังไงก็ไม่รู้ เหอๆๆๆ
หลังจากนั้นก็ไปทานข้าวเที่ยงที่ริมหาด (ชื่ออะไรจำไม่ได้ Joanne พยายามบอกชื่อเป็นสิบรอบแล้วเราก็ยังจำชื่อไม่ได้ เหอๆๆๆ) แต่อาหารริมหาดนั้นโทษทีที่ไม่ใช่อาหารทะเล ก็ไม่วายเป็นอาหารฝรั่งแบบแซนด์วิชๆ เหอๆ
ขากลับแวะมาที่บ้านของกระต่ายน้อย Miffy ในเวลาสิบนาทีสุดท้าย คนขายบัตรใจดีมาก เพราะว่ามันจะปิดแล้วแล้วเราก็บอกว่าเราจะอยู่เมืองนี้วันสุดท้ายแล้วยังไงก็จะเข้า เค้าก็เลยให้บัตรฟรีมา โอ้โห.. น่ารักเจรงๆ
ใครไม่รู้จัก Miffy มั่งเนี่ย เราว่าคนไทยต้องไม่ค่อยรู้จักแน่เลย แต่จะบอกว่าตอนอยู่ญี่ปุ่นน้องกระต่ายนี่แอบดังมาก เพิ่งจะรู้เมื่อไม่นานมานี้แหละว่าน้องกระต่ายเป็นคนดัชต์ เหอๆๆๆ
ในบ้านมีเสียงให้ฟังกระต่ายเล่าประวัติตัวเองเป็นภาษาต่างๆด้วย น่ารักมากๆ เสียดายไม่มีภาษาไทย
.............................................................................
เล่าเรื่องที่ไปเที่ยวในเนเธอร์แลนด์จบแล้วนะจ๊ะ อย่าลืมติดตามตอนต่อไปเด้ออออ
ปล. ขอขอบคุณข้อมูลต่างๆจากพี่ท็อป (ไม่ได้ขออนุญาติเลย แบบว่าแอบไปก็อปมาจากโปรแกรมทัวร์ของพี่เค้า เหอๆๆๆ ขออนุญาติตรงนี้เลยนะคะ)
4 comments:
555555555555 รู้สึกว่าตอนเดินจะไม่ได้รู้ข้อมมูลเยอะขนาดนี้นะนี่ 555555 พี่ทอบนี่มีอุปการะคุณจิงๆ เด๋วจะให้เค้าเข้ามาดูนะ ไปทำเปเปอร์ต่อก่อนแล้ววว จุ๊บๆ
Gift
อยากไปเที่ยวมั่งอ่า
เนเธอร์แลนด์นี่ประเทศในฝันเลย
ชอบกังหันลมแล้วก็ดอกทิวลิปอ่ะ
แจ๋วมากกกกก แม่จ๋าอ่านแล้วอยากรีบไปจังเลย
แม่จ๋าเอง
คุ้มค่าที่รอมานาน รูปสวย แดดดี เจ๋งงงงงงงง
Post a Comment