สวัสดีค่ะ
ตอนนี้ใครที่ไม่ได้อยู่เมืองไทยคงจะอิจฉา
เพราะอากาศดีมากกกกกก อิอิ
อากาศเย็น ชิลล์สุดๆ เหมาะแก่การฟังเพลงแจ๊สที่จะพากันไปชมในวันนี้
จริงๆแล้วงานนี้ไปมาเมื่อวันเสาร์ แต่ที่เพิ่งจะมาอัพวันนี้เพราะว่าวันเสาร์โดดทำรายงานไป เลยต้องชดใช้กรรมทำรายงานทั้งวันทั้งคืน เหอๆ ... อ่อ ประกอบกับอินเตอร์เน็ทความเร็วต่ำมากของเราทำให้ไม่สามารถอัพโหลดคลิปวีดีโอลง youtube ได้ (ประมาณว่าเน็ทมันตัดทุกห้าชั่วโมงน่ะ แล้วห้าขั่วโมงผ่านไปมันยังอัพโหลดไม่เสร็จ คิดดูสิมันเต่าขนาดไหน เลยต้องเอาคอมไปพึ่งพา wireless ที่คณะเพื่อัพโหลดโดยเฉพาะ ทุ่มเทขนาดไหน เหอๆ ....
เมื่อไหร่บ้านช้านจามี adsl ฮ๊าาาาาาาาาาาาาาาา (เสียงโหยหวนจากชานเมืองกรุงเทพมหานคร)
เข้าเรื่องกันดีกว่านะคะ ขออภัยที่ต้องอุทิศพื้นที่หลายบรรทัดเพื่อทำการบ่น เหอๆ
สงสัยเหมือนกันว่าฤดูหนาวนี่เป็นฤดูกาลของเพลง jazz หรือเปล่านะ เพราะเพิ่งไปอ่านบล็อคของพี่ใหม่ที่ญี่ปุ่นก็มีงานเพลงแจ๊ซเหมือนกันนะเนี่ยยย อินเทรนด์จริงๆเลยเรา หุหุ
งานที่จะพาไปวันนี้ คืองาน "Bangkok Jazz Festival ครั้งที่ 4" ค่ะ
Bangkok Jazz Festival เริ่มจัดครั้งแรกในปี 2003 ที่สนามเสือป่า ซึ่ง (ในเว็บบอกว่า) ประสบความสำเร็จทุกๆปี โดยมีผู้ชมประมาณวันละ 20,000 คน (80% คนไทย 20% ชาวต่างชาติ) งาน 4th Bangkok Jazz Festival ในปีนี้จัดในวันที่ 15-16-17 ธันวาคมที่ผ่านมา ตั้งแต่เวลา 18.00 น. – 24.00 น.
เราไปถึงสนามเสือป่าตั้งแต่ห้าโมงเย็น ของวันเสาร์ที่ 16 ธันวาคม
ประตูเปิดตอนหกโมงเย็นนะ แต่ตอนก่อนประตูจะเปิดก็มีคนมายืนต่อแถวรอกันเยอะแล้ว
งานนี้ได้รับการสนับสนุนจากลูกค้าคุณแม่ ได้บัตร V.I.P มาถือไว้
ซึ่งถือว่าเป็นดาบสองคม เหอๆ คือมันได้ฟรีก็จริงนะ แล้วชื่อมันก็บอกว่าเป็ร Very Important Person ด้วย คือเรารู้อยู่แล้วว่างานนี้มันต้องนั่งพื้นอ่ะ แต่ด้วยความที่คิดว่ามัน V.I.P ไง เลยคิดว่ามันคงจะมีเก้าอี้ให้นั่งสิน่าา แหม คนสำคัญเชียวนะ
สรุปว่า... ไม่มีค่ะ -_-"
ก็ไม่ได้เตรียมไรไปเลย เสื่อเส่ออะไรไม่มีทั้งนั้น ไปตัวเปล่า... เหอๆๆๆ
อ่อ งานนี้ไปกับแม่ค่ะ แล้วดูสภาพแวดล้อมข้างหลังนะเค้ามีเสื่ออะไรกันเต็มที่ สองคนนี้นั่งสัมผัสพื้นผิวธรรมชาติ เหอๆ
แล้วงานก็เริ่มขั้นด้วยวงแรกคือ "Asia Beat Project"
วงนี้นานาชาติมากๆ ที่จำได้มีมือเพอร์คัชชั่นเป็นอินเดีย คียร์บอร์ดเป็นญี่ปุ่น กลองเป็นฟิลิปปินส์ เบสเป็นมาเลเซีย ขลุ่ยญี่ปุ่นเป็นอเมริกัน นักร้องนำเป็นสาวเกาหลี
แถมงานนี้ยังมีศิลปินไทยรับเชิญสามคนมาตีระยาด สีซอด้วง และเป่าขลุ่ยอีกด้วย
สามคนนั้นรู้จักคนเดียว คือคนนี้ "ขุนอิน" เหอๆ
วงต่อมาเป็นวงหนุ่มๆจากสแกนดิเนเวียร์ แล้วจะบอกว่าหน้าตาดีทั้งวงค่ะขอฟรีเซนต์ ชื่อวงว่า "Jazz Kamikaze"
(ถ่ายมาไม่ให้เห็นหน้าชัด เดี๋ยวจะมีคนแย่ง หุหุ)
Jazz Quintet (วงแจ๊ส 5 ผู้เล่น) ด้วยอัลบั้มเปิดตัว Mission 1 หลังจากได้รับรางวัลวงชนะเลิศในรายการสุดหิน Young Nordic Jazz Contest 2005 ของยุโรป โดยกลุ่มนักดนตรีพันธุ์ใหม่ที่จะมาสร้างปรากฏการณ์ในวงการแจ๊สยุโรป ทั้งๆที่พวกเขากำลังศึกษาอยู่ในสถาบันดนตรี The Rhythmic Conservatory in Copenhagen ที่เป็นแหล่งผลิตนักดนตรีแจ๊สและคลาสสิคที่สำคัญในยุโรปเวลานี้แห่งหนึ่ง
โดยประกอบไปด้วย Morten Schantz, piano; Marius Neset, tenor sax; Daniel Davidsen, guitar; Kristor Brodsgaard, bass; Anton Eger, drums ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มของนักดนตรีหัวก้าวหน้านอร์เวย์ สวีเดน และเดนมาร์ก ที่ถือเป็นความหวังสำคัญของวงการในเวลานี้
ด้วยสไตล์การเล่นที่ร้อนแรงเต็มไปด้วยจินตนาการในทุกแทร็คเช่นแทร็คแรก Vill Du Bli Munk? ใช้แซ็กเพียวๆนำเข้ามาอย่างสะดุดหูตลอดจนท่อนโซโล่ในแต่ละส่วนที่ต้องบอกถึงความเป็นอัจริยะของเด็กวงนี้ และชวนให้ขยับตลอดทั้งเพลงอย่างสนุกสนานด้วยงานเบสและกลองที่ขับเคลื่อนอย่างมีพลัง หรือแทร็คสอง Rastapopoulos ที่มีลูกเล่นใช้เสียงคนพูดชวนขบขันในลักษณะประกาศทางวิทยุแบบโบราณแต่ตัวเพลงฟังเพลินด้วยจังหวะที่กระชับที่แฟนฮาร์ดคอร์ต้องสะใจกับงานโซโล่ทุกช่วง หรือในแทร็คที่ห้า Well of Echoes ก็คงสร้างความมันส์ให้กับขาพังค์ร็อคและคอฟรีแจ๊สต้องทึ่งกับอารมณ์ดนตรีที่เดือดพล่านตลอดทั้งเพลง แต่ก็มาผ่อนคลายด้วยทำนองที่สวยงามหมดจดในเพลงที่หก Under a Spell
โดยตลอดทั้งอัลบั้ม Jazz Kamikazeได้นำผู้ฟังดื่มด่ำกับมิติทางดนตรีที่มีไม่บ่อยครั้งนักในวงการเพลงแจ๊สที่จะมีวงที่มีความหลากหลายทางดนตรี ตลอดจนไหวพริบ ทักษะของผู้เล่นที่ช่ำชองแต่หาได้ยัดเยียดผู้ฟังไม่ ตรงกันข้ามกลับรู้สึกเหมือนผู้ฟังมีส่วนร่วมในการเดินทางทางดนตรีในครั้งนี้ และเสมือนกับทั้งวงเล่นอยู่ตรงหน้าอย่างเริงร่า อัลบั้มสุดสนุกแห่งปี ซึ่งเร็วๆนี้จะมีงานอัลบั้มล่าสุดจากมือเปียโน Morten Schantz ในสไตล์ Soul Funk, Disco ในยุค70 ที่จะไม่ทำให้ท่านต้องผิดหวัง
มีเล่นเพลงนึงบอกว่าขอมอบให้สาวสวยคนไทยทุกคน แอบกรี๊ดดดขอติ๊ต่างว่าเป็นเราได้ไหม เหอๆ
ต่อมาเป็นศิลปินที่เรารอคอย โดดทำรายงานมาเพื่อการณ์นี้เลยนะจะบอก นั่นคือ "Lisa Ono" นั่นเอง
Lisa Ono เป็นหนึ่งในนักดนตรีชาวญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงในภาพของ Bossa Nova Jazz เธอเป็นศิลปินที่มีความสามารถหลากหลายด้าน อาทิ นักร้อง, นักไวโอลิน, กีตาร์อะคูสติก, นักแต่งเพลง เธอมีอัลบั้มเพลงสากลที่ได้รับความนิยมมากมายกว่า 12 อัลบั้ม
รวมทั้งอัลบั้มพิเศษ ที่ได้ร่วมงานกับศิลปินที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก เช่น Tom Jobim, Sivuca, Paulo Moura, Danilo Caymmi, Toots Thielemans เป็นต้น Lisa Ono ศิลปินเสียงคุณภาพชาวญี่ปุ่นที่เกิดและโตในประเทศบราซิล เริ่มสนใจดนตรีตั้งแต่ยังเยาว์วัย เธอเริ่มแสดงคอนเสิร์ตครั้งแรกที่ประเทศบราซิล ด้วยพรสวรรค์ทางด้านดนตรีประกอบแรงสนับสนุนจากบิดาซึ่งเป็นเจ้าของ nightclub ใหญ่ใน Sao Paulo อีกทั้งยังเป็นผู้จัดการส่วนตัวของ Baden Powell หลังจากนั้น ครอบครัวของเธอก็ได้ย้ายถิ่นฐานกลับมาที่ประเทศญี่ปุ่น บ้านเกิดของเธอ และทำการเปิด nightclub ใหม่ชื่อ Saci Perere Nightclub ซึ่งเป็นสถานที่แรกที่ Lisa Ono ได้เปิดการแสดงดนตรีใน แนวบราซิลเลี่ยน สไตล์แซมบ้าและบอสซาโนวา รวมทั้ง ออกอัลบั้มเพลงสไตล์บราซิลเลี่ยน กับค่ายเทป Nana ในประเทศญี่ปุ่น ทำให้ Lisa Ono เริ่มเป็นที่รู้จักและโด่งดังไปทั่วโลก
งานนี้เธอมาพร้อมเพลงมากมาย รวมถึงเพลงไทยด้วยเพลงนึง!!!
ที่พยายามจะอัพโหลดคลิปวีดีโอให้ได้ก็คือเพลงนี้แหละ อยากให้ดูกันจริงๆ แบบว่าร้องชัดมากอ่ะ (แอบมีดำน้ำนิดหน่อยด้วย แต่เอาเหอะอนุโลมให้ แค่นี้ก็แก่งแล้วววว) เพลงไทยเพลงนั้นก็คือเพลง "สายชล" นั่นเอง
แล้วจะบอกว่าคนไปรุมหน้าเวทีเยอะมากกกก คนญี่ปุ่นมาก็เยอะ เม้าท์กันใหญ่เลยเธออออออ ดีนะไม่เม้าท์เราไม่งั้นจาหันไปยิ้มหวานๆให้ทีนึง เหอๆ
วงสุดท้ายที่มาเล่นในวันนี้คือ "Yellowjacket"
รายนามสมาชิกวง Yellowjacket ในปัจจุบัน
1. Russell Ferrante Keyboard
2. Jimmy Haslip Bass
3. Bob Mintzer Saxophone
4. Marcus Baylor Drums
Yellowjacket ถือเป็นวงที่ประสบความสำเร็จในสายดนตรีชั้นสูงอย่าง Rhythm & Jazz วงหนึ่ง โดยในปี 1981 พวกเขาเริ่มต้นผลงานทางดนตรีชิ้นแรกเป็นสไตล์ R & B ซึ่งขณะนั้นมือกีตาร์ของวงคือ Robben Ford แต่หลังจากนั้นก็ได้มีการเปลี่ยนมือกีตาร์คนใหม่เป็น Marc Russo และทำเพลงภายใต้สังกัด Warner Brothers ต่อมาจึงย้ายสังกัดไปอยู่กับ MCA/GRP ในปี 1986 หลังจากนั้นไม่นาน ก็ได้มีการปรับเปลี่ยนนักดนตรีอีกครั้ง จาก Marc Russo เป็น Bob Mintzer ในต้นปี 1990 พร้อมทั้งย้ายสังกัดมาที่ Warner Brothers ปี 1995 โดยได้ออกอัลบั้มใหม่ จำนวน 3 อัลบั้ม ก่อนที่จะย้ายสังกัดมาที่ Heads Up Label เมื่อปี 2002 ในชื่อชุด Mint Jam , Time Squared , Peace Round , Altered State
วงนี้เราดูยังไม่ทันครบทุกเพลงก็ขอบายกลับก่อน งานมันจบเที่ยงคืนไง แต่ห้าทุ่มกว่าเราก็เมื่อยตุ้มจะตายอยู่แล้ว เลยขออนุญาติบอกลาลุงๆ กลับบ้านก่อนนะเออ เหอๆ
ระหว่าเดินออกหันไปมองคนที่มาดู เออมันเยอะจริงๆหว่ะ (นั่งอยู่ข้างหน้าไง เกือบหน้าสุดอ่ะ แบบว่าไปเร็ว เลยไม่ได้หันไปมองข้างหลังเลย)
รูปสุดท้ายเก็บตก เป็นกลุ่มที่เตรียมอุปกรณ์ไปพร้อมที่สุดในระแวกตัวเรา ท่าจะนั่งสบาย เหอๆ
กลับบ้านด้วยความสุขสันต์และรื่นรมในการชมดนตรี อากาศก็ดี เพลงก็เพราะ (แหมถ้าที่นั่งสบายกว่านี้นิดนึงนะ..) งานดีๆแบบนี้ปีหน้าไม่พลาดแน่ๆพี่น้องงงงงง
4 comments:
จะให้ชวนไปเที่ยว
ก็หาบัตรคอนเสิร์ต หรืองานดีๆ มาเซ่นพี่ก่อนดิ
ซักใบสองใบ
แหม งานนี้ได้ไปฟรีซะงั้น อิจแฉๆๆๆ
กล้องไม่ป่วยแล้วเหรอหนู๋...รูปสวยดี
อยากไปโคตรๆ
เสียตังค์ก็ยอม
แต่ติดเลี้ยงรุ่น T_T
บลอกแกมีสาระจริงๆ เทียบกับของช้านสิ 555
Post a Comment