บล็อคนี้เกิดขึ้นได้เพราะเป็นภาคต่อมากจากบล็อคที่เคยเขียนไว้ก่อนหน้านี้ค่ะ *Bow's Journey Under the RainBow* อ่านเรื่องราวชีวิตครบรสชาติ (ทั้งเรื่องเที่ยวและเรื่องกิน แหะๆ) ได้ที่บล็อคที่ว่าได้เลยค่ะ
.........................................................................................................
สวัสดีค่ะทุกคน..
หวังว่าจะมีแฟนๆตามอ่านบล็อคกันต่อจากบล็อคที่แล้วกันนะ หุหุ
ตอนนี้กลับถึงเมืองไทยโดยสวัสดิภาพแล้วค่ะ หลังจากหนีไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นนานถึงหนึ่งปีเต็ม ได้เวลาที่ต้องกลับมาชดใช้กรรม เหอๆๆ (ความรู้ที่สะสมมาตลอดชีวิตมลายหายไปหมดเลย... วันก่อนคนถามว่ารัฐประหารแปลว่าอะไรนั่งคิดตั้งนาน โอ้ววววว นิสิตรัฐศาสตร์!!!)
มาถึงบ้านครั้งนี้ นอกจากจะได้มาบอกลาชีวิตเก่าๆ เนื่องจากไปสะสมประสบการณ์ที่ญี่ปุ่นมาอย่างสมบุกสมบันค่ะ ความคิดและอะไรหลายๆอย่างเปลี่ยนไปเยอะเลย คือรู้สึกเองน่ะนะ (เอ่อ.. หลายๆอย่างที่บอกนี่ไม่นับสีผิวกับน้ำหนักนะ เกริ่นไว้แล้วในบล็อคที่แล้ว เหอๆ)
เข้าเรื่องๆๆๆ... นอกจากจะได้มาบอกลาชีวิตเก่าๆแล้ว ยังได้มาบอกลาสนามบินอันเป็นที่รักด้วย นั่นคือ ท่าอากาศยานกรุงเทพฯ หรือ สนามบินดอนเมือง ที่เรารู้จักกันดีนั่นเอง
ชีวิตนี้นับไม่ถ้วนว่ามาสนามบินดอนเมืองมาแล้วกี่ครั้งกันนะ เนื่องจากปะป๊าภารกิจต้องเดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศบ่อยๆ ตอนเด็กๆเราจึงผูกพันธ์กับสนามบินนี้มาก คือต้องออกจากบ้านเพื่อไปรับปะป๊านั่นแหละ ประกอบกับพอโตขึ้นก็มีหลายโอกาสที่จะต้องมาที่นี่ทั้งตัวเองเดินทางเอง และมาส่งคนอื่นที่ต้องเดินทาง จะว่าไปมานั่งนับนี่ไม่มีทางหมดชัวร์ๆ.. อยากจะเอาเรื่องนี้มาเขียนเหมือนกัน แต่ต้องขอเวลาไปคุ้ยรูปเก่าๆก่อน (ซึ่งต้องเกิดขึ้นตามหลังการคุ้ยของออกจากกระเป๋าและลังนะ โอ้ววว ชั้นขนของกลับมาจากญี่ปุ่นเยอะมากกกกก)
ฟ้าใสๆของกรุงเทพฯ เมื่อแรกก้าวลงจากเครื่องบิน
เพื่อให้มั่นใจว่ามาลงถูกประเทศ มาดูป้ายกันชัดๆ
บ๊ายบายสนามบินดอนเมือง... แล้วชั้นจะคิดถึงเธอ~
.....................................................
หลังจากนั้นเพื่อให้ไม่ตกเทรนด์ เลยบอกปะป๊าว่า "ปะป๊า .. โบว์อยากถ่ายรูปรถถัง" หึหึ ได้ยินข่าวมาหลายวันแล้ว ปล่อยให้คนอื่นไปถ่ายมามากมาย วันนี้ตาเรามั่งล่ะ หึหึ
ถึงแม้จะไม่มีโอกาสได้ลงไปถ่ายคู่กับรถถัง แต่ก็เอารูปรถถังมาฝาก โอ้ววว มันมีเต็มเมือจริงๆด้วยจอร์จจจจจจจ รัฐประหารประเทศไทยนี่มันเฮฮาดีจริงๆแฮะ
.....................................................
สุดท้ายท้ายสุดของบล็อควันนี้..
ขอเอารูปตู้เย็นที่บ้านมาฝาก หลายๆคนคงรู้ใช่ไหมว่าเราสะสมที่ติดตู้เย็น จริงๆแล้วมันเป็นของสะสมของครอบครัวล่ะ ใครไปที่ไหนมาจะต้องซื้อเป้นที่ระลึกเอามาแปะๆไว้ เริ่มมาตั้งแต่เราอยู่ ป.3 ได้มั้ง
แต่หลังจากเราไปอยู่ญี่ปุ่นมาเนี่ย ท่าทางเราจะทำลายสถิติของปะป๊าไปซะแล้ว หุหุ มันเยอะมากกกกก
หุหุ ตู้เย็นบ้านชั้นน่ากลัวจริงๆ
อ่อ... นี่ยังแปะไม่หมดนะ มันยังมีบางส่วนที่อยู่ในกล่องที่แพ็คส่งมาทางเรืออ่ะ ยังไม่ได้แกะออกมา อีกประมาณสิบอันได้มั้ง เหอๆๆๆ
.......................................................
วันนี้ต้องขอลาไปก่อนค่ะ สองสามวันนี้คงต้องยุ่งวุ่นวายกับการจัดการกับของมากมายที่ตอนซื้อไม่เคยคิดเลยว่ามันจะเยอะขนาดนี้ ถ้าเป็นไปได้จะถ่ายมาให้ดูว่าสภาพมันน่าอนาถขนาดไหน เหอๆ (วันนี้ตอนกลับบ้านได้จัดการกับกระเป๋าเดินทาง 27 กก. ไปแล้วส่วนหนึ่ง เพราะทลายเอาเสื้อผ้าออกมาซัก)
อ่อ... สำหรับคนที่แอบแวะเข้ามาอ่าน ขอเช็คเรตติ้งหน่อยนะคะว่ามีคนมาแอบอ่านกี่คน ถือว่ามาลงชื่อขึ้นบ้านใหม่ให้หน่อยละกันนะคะ ^^
8 comments:
เจิมบ้านใหม่ค้าบบบบ
แล้วเจอกันในมหาลัยนะคะคุณพี่
อุฮุฮุ^^
"หึหึ ได้ยินข่าวมาหลายวันแล้ว ปล่อยให้คนอื่นไปถ่ายมามากมาย วันนี้ตาเรามั่งล่ะ หึหึ"
เค้าเพิ่งปฏิวัติกันวานซืนเองน้อง
หรือได้ยินข่าววงในมาจ๊ะ ;)
เมื่อวานซืนมันก็กลายวันแล้วนะ สองวันนับเป็นพหูพจน์ได้ไง นับเป็นหลายได้
โด่ๆๆๆๆ
ตู้เย็นแบบนี้ ที่พี่เอามาจากรัสเซียไม่ต้องเอาแล้วม๊างงงงง
รายงานตัวด้วยคน... ว่าแต่กระเป๋าใบนั้นมันหนัก 27 กิโลเลยเหรอ??
ยินดีต้อนรับกลับสู่มาตุภูมิ
ยังว่างอยู่ไว้ไปเที่ยวๆๆๆ
ได้รูปรถถังมาจริงๆด้วย อิอิ
ดีใจด้วยน้า...ได้กลับบ้านแล้ว..
อืม..จะตามอ่านเรื่อยๆนะ
โบว์เขียนฮาดีว่ะ..เราชอบ555
Post a Comment