Saturday, February 09, 2013

เปลี่ยนตัวเองง่ายกว่า

ช่วงหลังๆมานี่รู้สึกว่ามีนิสัยหนึ่งของตัวเองที่เปลี่ยนไปหนึ่งอย่าง คือปกติแล้วจะเป็นคนที่ชอบฟังเพลงมากๆค่ะ ไม่ว่าจะทำอะไร อยู่ในห้องคนเดียว อาบน้ำ พยายามบิ้วด์ตัวเองให้หลับ ยืนเฉยๆอยู่บนรถไฟฟ้า ขับรถอยู่ จะต้องเปิดวิทยุหรือไม่ก็หยิบไอโฟนไปให้มันแรนดอมเพลงอะไรก็ได้ที่อยู่ในเครื่องให้ฟังอยู่ตลอดเวลา

เหมือนกับว่าสองรูหูของตัวเองเนี่ยไม่เคยจะต้องขาดเสียงอะไรสักอย่างเลย
ประมาณว่าเป็นเด็กไฮเปอร์อยู่เงียบๆไม่ได้ว่างั้นเหอะ

นิสัยที่เปลี่ยนไปของตัวเองที่สังเกตได้เห็นอย่างชัดเจนคือ การเลิกฟังเพลง และพยายามให้หูของตัวเองได้สัมผัสความสงบสุขของความเงียบบ้าง....

เรื่องมันเริ่มขึ้นมาจากช่วงที่รู้สึกว่าชีวิตตัวเองดราม่าจนถึงขีดสุดแล้ว จนมาคิดได้ว่าวันนี้นี่แหละเราจะเป็นคนใหม่ เราจะเลิกดราม่ากินซ่าปาจิงโกะเสียที

ในเวลาที่กำลังรู้สึกว่า โอ้..พอกันที ฉันเบื่อที่จะใช้ชีวิตเฉกเช่นนางเอกหนังไทย ระบบแรนดอมเพลงในน้องไอโฟนเจ้ากรรมก็มักจะเลือกเพลงที่ฟังแล้วรู้สึกหดหู่ใจมาให้ฉันฟังทุกที ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วสตีฟ จ็อบส์ก่อนตายอาจจะได้พัฒนาระบบมันสมองของการแรนดอมไอโฟน ให้มันสามารถจับอารมณ์ความรู้สึกของผู้ใช้ได้หรือเปล่า

เคยเป็นไหมในช่วงที่รู้สึกว่าชีวิตมันเฮิร์ทเหลือเกิน ชอบหาเพลงกระแทกอารมณ์มาฟัง ประมาณว่า โอ้...เพลงนี้มันช่างโดนนนนน พลางคิดว่าคนแต่งเพลงนี้จะต้องเป็นฝาแฝดทางจิตวิญญาณของฉันแน่ๆ ในขณะที่น้ำตาไหลรินอาบแก้ม และมีกองกระดาษทิชชู่กองอยู่รอบๆตัว .... แต่เมื่อวันใดมีสติขึ้นมาก็จะรู้สึกว่าการฟังเพลงโดนๆ ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น

บางทีการที่ได้พักหู ไม่ฟังเสียงคน ได้นั่งอยู่เงียบๆ เราจะสามารถสังเกตความเปลี่ยนแปลงของสิ่งรอบตัวได้ดีขึ้น นอกจากจะได้ยินเสียงลม เสียงใบไม้ไหว เสียงหยดน้ำได้ดีขึ้นแล้ว เรายังสามารถใช้ช่วงเวลาที่เงียบๆนี้ฟังเสียงหัวใจของตัวเองได้ชัดขึ้นอีกด้วย

เสียงหัวใจของตัวเองที่ว่าคือได้ทำความรู้จักกับตัวเองมากขึ้น บางครั้งคำถามมากมายที่เราตั้งขึ้นกับตัวเองอาจจะเป็นเพราะว่าจริงๆแล้วตัวเราเองยังไม่รู้จักตัวของเราเองดีพอก็ได้

จริงๆแล้วตอนนี้ยังหาไม่เจอ รู้ตัวเลยว่าตัวเองยังรู้จักตัวเราเองไม่เพียงพอ บางทีอาจจะไม่รู้จักเลยก็ได้ การที่เราบอกตัวเองว่าเราชอบอย่างนั้นชอบอย่างนี้ ฉันไม่เคยถามตัวเองอย่างจริงๆจังๆเลยว่า จริงๆแล้วฉันชอบอย่างนั้นจริงหรือ หรือจริงๆแล้วฉันชอบอะไร ถึงแม้จะหาเวลาในการอยู่เงียบๆคนเดียวได้ยากไปสักหน่อย แต่หลังจากได้มาฝึกตัวเองลองใช้ชีวิตอยู่เงียบๆดูบ้าง แม้จะเป็นเวลาเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ฉันกลับมีความรู้สึกว่าฉันเริ่มจะรู้จักตัวฉันเองขึ้นมาที่ละนิดทีละนิด

หลายๆครั้งมีคนเคยบอกฉันว่า อย่าคิดที่จะเปลี่ยนคนอื่นเพราะเราไม่สามารถทำให้คนอื่นเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อเราได้ แต่สิ่งที่ดีที่สุดที่จะทำให้เรารู้สึกดีขึ้นนั่นคือเปลี่ยนที่ความคิดของตัวเอง

ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยคิดได้เลย จนกระทั่งวันที่ฉันรู้สึกว่าฉันไม่สามารถบังคับให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงเพื่อทำให้ฉันสบายใจขึ้นได้ ฉันจึงเริ่มรู้สึกว่าวันนี้แหละเป็นวันที่ฉันจะต้องพยายามเปลี่ยนตัวเอง โดยหวังว่าเมื่อฉันตัดสินใจที่จะเปลี่ยนความเชื่อบางอย่างของฉันแล้วไม่ใช่ฉันคนเดียวที่จะสบายใจ แต่มันจะทำให้คนอื่นๆที่ฉันอยากจะให้เขาสบายใจก็สบายใจด้วยเช่นกัน

เคยได้ยินมามากมายว่าคนเรานั้นควรจะรักตัวเองให้ได้มากๆก่อน แต่ฉันกลับคิดว่าหากเรารักตัวเองมากไปจนเราลืมนึกถึงคนอื่นที่เราแคร์ เราคงจะต้องมานั่งเสียใจในภายหลังกับความสุดโต่งนี้ ฉันจึงคิดได้ว่าฉันคงต้องรักตัวเองให้มากขึ้น และไม่ลืมที่จะใส่ใจความรู้สึกของคนอื่นด้วย

นอกจากเปลี่ยนนิสัยตัวเองที่จะต้องเปิดเพลงตลอดเวลา และเปลี่ยนความคิดของตัวเองเพื่อคนอื่นแล้ว ฉันคิดว่าฉันยังมีอีกหลายเรื่องที่ยังต้องอาศัยเวลาในการค่อยๆคิดเพื่อตามหาคำตอบ เมื่อฉันสามารถตอบคำถามต่างๆนานาในหัวตัวเองได้แล้ว อาจจะยังมีอีกหลายเรื่องที่ฉันจะต้องเปลี่ยน โดยหวังว่ามันจะเป็นการเปลี่ยนในทางทีดีค่ะ :)

No comments: