Sunday, April 21, 2013

ขั้นตอนการทำเอกสารทางราชการใหม่ในกรณีเอกสารหายพร้อมๆกัน

ขณะนี้เวลา 5:45 น. เดี๊ยนยังนอนไม่หลับ คาดว่าอาการเจ็ทแล็กคงจะตามติดมาอย่างแน่แท้ อ่านดราม่าใหม่ก็แล้ว (อีจ่าฯยังคงเป็นคนเดียวที่มีเรื่องราวอัพเดทในยามดึกดื่น นางนอนเวลาไหนกันนิ...) เล่ยเกมก็แล้ว อ่านการ์ตูนก็แล้ว ลุกขึ้นมาอาบน้ำหมักผม ขัดเล็บ ทำทรีทเมนต์ ฯลฯ ก็แล้ว แต่ยังไม่มีวี่แววที่จะง่วง .... จึงคิดว่ามาเขียนบล็อคเรื่องการไปทำเอกสารทางราชการใหม่ให้อ่านดีกว่า เผื่อผลบุญในครั้งนี้จะส่งให้คืนพรุ่งนี้นอนหลับสบาย จะได้ตื่นไปทำงานได้อย่างปลอดโปร่ง

.... เกริ่นยาวมาก ขออนุญาตเข้าเรื่อง

เนื่องจาก กระเป๋าสตางค์หายในระหว่างที่เดินอยู่ที่ฮังการี แต่เดชะบุญที่พาสปอร์ตยังอยู่เพราะเก็บซ่อนไว้ในส่วนลึกสุดใจของกระเป๋าใน วันนั้น ทำให้ยังไม่วุ่นวายมากเท่าไหร่ เดินทางกลับประเทศได้ พอแลนดิ้งปุ๊บจึงรีบหาข้อมูลและเตรียมเอกสารและลางานเพื่อไปทำบัตรประชาชน และใบขับขี่ใหม่ในวันต่อไป

หากเพื่อนๆประสบปัญหาเช่นนี้ สิ่งแรกที่พึงกระทำเมื่อรู้ตัวว่าถูกล้วงกระเป๋าคือการโทรไปอายัติบัตร เครดิต แลับัตรเอทีเอ็มทุกใบที่หายไป เพราะฉะนั้นสิ่งที่จำเป็นมากในการเดินทางไปต่างประเทศคือการเปิด international roaming ไปด้วย เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าเราจะจำเป็นต้องใช้โทรศัพท์เมื่อไหร่ ยิ่งถ้าหากไปหลงอยู่ในป่าอะเมซอนก็คงไม่สามารถหาโทรศัพท์สาธารณะได้อย่างทัน ท่วงทีได้ ... ดังนั้น แนะนำนะคะ ควรเปิด roaming ไปเผื่อฉุกเฉิน หากเกรงว่าจะเปลือง ก็ไม่ต้องเปิดเครื่องจนกว่าจะจำเป็นต้องใช้ หรือใครโทรมาก็ตัดสายทิ้งค่ะ หะๆ

มาเข้าเรื่องการทำ บัตรซะที ... อาจจะสงสัยว่าแล้วควรไปทำบัตรอะไรก่อน คำตอบคือบัตรประชาชนค่ะ เพราะบัตรประชาชนจะใช้เป็นหลักฐานในการยืนยันตัวเราในกสนทำบัตรอื่นๆต่อไป โดยมีขั้นตอนดังนี้

1. ไม่ต้องไปแจ้งความ!! ไม่ต้องไปแจ้งแล้ววว (จำได้ตอน ม.6 กระเป๋าสตางค์หายต้องไปแจ้งความก่อน) ให้ไปที่อำเภอหรือเขตได้เลย มีกรอกเอกสารให้ปากคำเล็กน้อย จบข่าว

2. ไปติดต่อที่อำเภอ หรือสำนักงานเขตใดก็ได้ ไม่ร้องเป็นเขตที่มีชื่อท่านอยู่ เพราะปัจจุบันข้อมูลลิงค์กันหมดแล้ว (..วันนั้นที่ไปมีป้ายแปะไว้ว่า ขณะนี้ระบบของกระทรวงมหาดไทยมีปัญหา ท่านที่มาทำบัตรประชาชนอาจจะใช้เวลานาน ... เอาวะก็ยังดี -_-) ภายใน 60 วัน มิฉะนั้นจะต้องเสียค่าปรับ ... (แต่ก็งงเค้าจะรู้ได้ไงว่าเราทำหายเกิน 60 วันหรือเปล่า .... )

3. เอกสารที่ต้องนำไปคือ
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สำเนาเอกสารทางราชการที่ระบุตัวตน เช่น ใบขับขี่ หรือพาสปอร์ต ในกรณีที่หายไปหมดทุกอย่าง ต้องรอให้ราชการตรวจสอบตัวตนของเราไปยังหมู่บ้าน ชุมชน ฯลฯ ก่อนจึงจะทำบัตรได้

4. กรอกเอกสารไม่เกิน 10 นาที

5. รอถ่ายภาพ

6. จ่ายค่าธรรมเนียม 20 บาท

7. เสร็จแล้ว!! ถ้าคนไม่เยอะ ครึ่งชั่วโมงก็เสร็จแล้วค่ะ

หลังจากที่ได้บัตรแล้ว เราจะไปทำใบขับขี่กันต่อ ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้ค่ะ

1. ไม่ต้องไปแจ้งความ!!! ยังคงไม่ต้องไปแจ้งความค่ะ (เจ้าหน้าที่ที่เขตทำงุนงงเล็กน้อยบอกว่าต้องไปแจ้ง .. แต่พอไปหาข้อมูลแล้วเค้าบอกไม่ต้องแจ้งเลยดื้อแพร่งไม่ได้ไปแจ้งค่ะ ... เจ้าหน้าที่คะ นิดนึงนะคะ อย่าทำให้งงค่าา)

2. เดินทางไปที่กรมการขนส่งมวลชนทางบกสาขาใดก็ๆด้ วันนั้นไปที่สาขาจตุจักร จึงขออธิบายขั้นตอนของที่นี่นะคะ

3. เอกสารที่ต้องเตรียมไปคือบัตรประชาชนตัวจริง พร้อมสำเนาเท่านั้นค่ะ

4. ไปติดต่อที่อาคาร 4 ชั้น 2 ที่โต๊ะประชาสัมพันธ์

5. กรอกเอกสารคล้ายๆเดิม ประมาณว่าหายที่ไหนอย่างไร ไม่เกิน 5 นาทีเสร็จค่ะ

6. ในกรณีใบขับขี่ตลอดชีพหาย เค้าจะส่งตัวไปถ่ายรูปทำบัตรใหม่เลย แต่ในกรณีที่เป็นบัตรประเภท 5 ปี แล้วใกล้จะหมดอายุแล้ว เจ้าหน้าที่จะแนะนำให้ต่ออายุไปเลย

7. ในการต่ออายุใบขับขี่ประเภท 5 ปีนั้น จะต้องทำการทดสอบสมรรถภาพทางกาย และฟังอบรมก่อน 1 ชม. จึงจะทำบัตรใหม่ได้ค่ะ

8. การทดสอบสมรรถภาพทางร่างกายมี 4 ด่าน คือ
- ทดสอบตาบอดสี จะต้องตอบสีสัญญาณไฟจราจรที่ปรากฎอยู่ให้ถูกต้อง
- ทดสอบการมองเห็น เจ้าหน้าที่จะให้กดปุ่มเลื่อนวัตถุทรงยาวให้ทั้งสองชิ้นขนานกัน
- ทดสอบการตอบสนองโดยการเหยียบคันเร่งและเบรค เมื่อสัญญาณไฟแดงขึ้นให้เหยียบเบรคทันทีภายใน 45 วินาที
- ทดสอบการมองเห็นทางด้านข้าง เจ้าหน้าที่จะให้มองตแล้วตอบสีสัญญานไฟที่ปรากฏทางด้านข้างให้ถูกต้องโดยไม่เหลือบตาไปมอง

9. เมื่อผ่านการทดสอบหมดทุกด่านแล้ว เจ้าหน้าที่จะส่งตัวไปอบรม 1 ชั่วโมง ที่ชั้น 4.... การอบรมที่ว่า ตอนแรกเราก็นึกว่าจะมีใครมาบรรยาย เปล่าค่ะ! มันคือการไปนั่งดูหนังเกี่ยวกับการขับขี่บนท้องถนน เป็นหนังจริงๆนะ แบบเป็นเรื่อง พ่อ แม่ ลูก พ่อฝังใจน้องสาวขับรถตายทำให้ไม่นอมให้แม่ไปสอบใบขับขี่ ทีนี้เลยไปรับลูกสาวจากโรงเรียนไม่ค่อยทัน แล้วก็มีเด็กข้างบ้านที่มีพ่อเป็นคนที่มีสันดานเสียในการขับรถ ฯลฯ มีแทรกกฏหมายเกี่ยวกับการขับขี่ สัญญานจราจรมา tie in เป็นระยะๆ

10. .... ระหว่างดูๆอยู่จะมีเจ้าหน้าที่เดินมา pause แล้วเอาหนังสือสัญญานจราจรมาขายในราคา 50 บาท ซึ่งอันนี้ไม่ใช่สาระสำคัญอะไร แค่อยากเล่าให้ฟังเฉยๆ หะๆ แต่จุดนี้เจ้าหน้าที่ทำตูงงอีกแล้ว บอกว่าตั้งแต่เดือน ก.ค.จะอบรม 6 ชั่วโมงแล้วนะ กำลังคิดว่า โห..โชคดีจุงเบยบัตรหายตอนนี้ไม่งั้นโดน 6 ชม. แต่..ไปคุยกับ จนท.คนอื่นเค้าบอก อะไรน้อง..นั่นมันระเบียบเก่า ไม่มีแล้ว 6 ชม. ก็ 1 ชม.เนี่ยแหละ .... เอิ่มมมม คุณ จนท.คะ รบกวนนัดกันนิดนึง (ตอนนี้ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าตกลงมันจะ 6 ชม. หรือ 1 ชม. .... โชคดีนะทุกคน)

11. พอดูหนังจบ (...ซึ่งเราดูไม่จบ ไม่รู้ทำไม งงๆ พ่อแม่ยังทะเลาะกับคนข้างบ้านยังไม่ทันจบเลยมาปิดและ .. เพื่อนบอกหลังจากฉากนั้นยังมีอีกยาวววว .. สงสัยคนเยอะมั้ง รีบๆไปซะพวกเอ็ง ไม่ตั้งใจดูกันซะคน หะๆ) ก็จะถูกส่งตัวไปถ่ายภาพที่ชั้น 2

12. จ่ายค่าธรรมเนียมใบขับขี่รถยนต์ 605 บาท (ค่าธรรมเนียมปีละ 101 x 5 ปี, ค่าบริการ 100)

13. รับบัตร กลับบ้าน ทำใบขับขี่ใช้เวลานานหน่อยเพราะมีคนมาทำเยอะพอสมควร ก็ต้องมีรอคิวนั่นนู่นนี่ แล้วถ้าโดนอบรมอีกก็ เผื่อเวลาไว้เลยประมาณครึ่งวันค่ะ

14. อ่อ ขนส่งฯพักเที่ยงตอน 11:00-12:00 นะคะ สามารถไปติดต่อได้ตั้งแต่ 12:00 เลย วันนั้นไม่ทราบเลยไปตอนบ่ายโมง ไปนั่งกินเสต็กชิกเก้นอะลาเจี๊ยบ (...มันคืออะไร? สงสัยมาสิบกว่าปีและ) ฆ่าเวลาที่สามย่านตั้งนาน -_-

จบ แล้วค่ะสำหรับขั้นตอนการทำบัตรประชาชนและใบขับขี่ในปัจจุบัน อัพเดทข้อมูลสุดๆจากประสบการณ์ตรง ส่วนบัตรเอทีเอ็มก็ไปที่สาขาใดก็ได้เช่นกันพร้อมบัตรประชาชนและสมุดบัญชี 5 นาทีเสร็จเช่นกัน และบัตรเครดิตก็โทรไปที่แบงค์ค่ะแล้วเค้าจะส่งเมจเซนเจอร์มารับเอกสาร อันนี้ไวมาก 555+

สุดท้ายขออำนวยพรให้ผู้อ่านทุกท่านโชคดีบุญรักษานะคะ สาธุ (-/|\-)

Friday, April 19, 2013

รีวิว 6 วันยุโรปตะวันออก ความสวย ความซวย ความห่วย และความเหนื่อย

เพื่อความรวมเร็วและความง่ายในการอ่าน (หลังจากอารมณ์เย็นลงมาแล้ว 110% หากอยากอ่านแบบอารมณ์ร้อนๆ กรุณาไปอ่านที่ post ก่อนหน้า) ขอสรุปแบบเป็นข้อๆดังนี้

1. ช่วงสงกรานต์ได้มีโอกาสไปเยือนมา 4 ประเทศดังนี้ คือ ออสเตรีย ฮังการี สโลวัก เชก

2. ประเทศที่เหมาะแก่การไปเยือนและชิลล์ที่สุด คือ ออสเตรีย (เวียนนา)



3. ประเทศที่ดูไม่น่าปลอดภัยที่สุด คือ ฮังการี (บูดาเปสต์)

4. ประเทศที่สวยและดูมีอะไรที่สุด คือ เชก (ปราก และเชคกี้ ครุมนอฟ)

5. ประเทศที่ไม่มีอะไรเลย แต่ถ้าจะไปชิลล์ๆเฉยๆก็ดี และมีฟรีไวไฟ คือ สโลวัก (บาติสลาวา)

6. ส่วนมากคนจะำพูดภาษาอังกฤษกันได้เพราะเราไปเยือนแต่สถา่นที่ท่องเที่ยว

7. แต่กระนั้นชนชั้นกรรมาชีพ เช่น ยาม คนกวาดถนน แม่บ้าน จะไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้

8. ของที่น่าจะซื้่อมาฝากนั้น....ไม่มี มองไปทางใดก็ดูเหมือนจะ made in china ทุกอย่าง

9. ช็อคโกแลต Mozart ที่ขายกันทั่้วบ้านทั่วเมืองนั้นหวานมาก...

10. H&M ราคาเท่าที่พารากอนเลย กลับมาซื้อเมืองไทยดีกว่านะ

11. สินค้าแบรนด์เนมสามารถเคลมภาษีได้ประมาณ 11-13% ทำให้ถูกกว่าซื้อเมืองไทย

12. คนไทยทีไ่ปเที่ยวในตอนนั้นต่างถือกระเป๋าใหม่ อาทิ กุชชี่ พราด้า หลุยส์วิคตองเดินกันให้ทั่ว

13. หากจะตัดสินใจไปกับทัวร์ขอให้เลือกดีๆ และเตรียมใจไว้ (รายละเอียดจะเล่า่ในข้อต่อๆไป)

14. อ่านโปรแกรมทัวร์ให้ดีๆ ส่วนใหญ่จะเขียน "ยุโรปตะวันออก 8 วัน" 8 วันนี่รวมวันเดินทางด้วย จริงๆคือ 6 วัน

15. ยังไม่รวมระยะเวลาน่งรสบัสเดินทางในประเทศซึ่งทรหดมาก เบ็ดเสร็จรวมไปอีำก 2 วัน ได้เที่ยวจริง 4 วัน

16. อีกอย่างที่ต้องดูดีๆ คือ จำนวนมื้ออาหารที่เป็นอาหารจีน บางทัวร์ให้ตูกินอาหารจีนจนนึกว่าไปทัวร์เยาวราชนิ

17. ซึ่งทัวร์ที่ดิฉันได้เลือกไป (เรียกว่าเลือกหรือเปล่า...) นางไม่ได้ใส่ไว้ในรายละเอียดว่าเป็นอาหารประเภทใด เจออาหารจีนไปเกือบทุกมื้อ

18. ที่บอกว่าไม่ได้เลือกเพราะทัวร์อื่นเต็มหมดดดดดด มีเจ้านี้ที่เดียวที่บังเอิญมีคนถอนตัวเลยได้ไปเสียบพอดี ไม่รู้ว่าเรียกว่าดวงดีหรือเปล่านะ

19. บริษัททัวร์ที่ติดต่อมา ชื่อว่า Ave*** Tour ไปลองกูเกิ้ลหารีวิวเก่าๆก็ยังไม่มีใครด่าอะไร (แต่ต่อไปอาจจะเจอละ หลังจากโพสนี้ถือกำเนิดขึ้น)

20. สิ่งที่อยากจะขอตำหนิทัวร์นี้คือความไม่เป็น professional ในการทำงาน ที่ว่าไม่เป็น professional นั้นจะขอกล่สวต่อไปในหลายๆอย่าง

21. ขอเริ่มจากหัวหน้าทัวร์ ซึ่งจริงๆแล้วเธอเป็นคนน่ารักมาก อัธยาศัยดี เล่าเรื่องสนุก ... แต่เรื่องสนุกที่เธอเล่าไม่เกี่ยวกับสถานที่ที่จะไปเลยยย

22. ตอนหลังมารู้ว่าเธอไม่ได้รับงานไกด์เป็นงานประจำแต่เหมือนกับว่าเพื่อนๆดึงๆมาทำ ตอนช่วงเทศกาลไกด์ไม่พอจึงต้องเอาฟรีแลนซ์มาทำด้วย

23. จึงเกิดคำถามกับบริษัททัวร์แห่งนี้ว่าบริษัทมีมาตรฐานอย่างไรในการเลือกหัวหน้าทัวร์ มีการฝึกอบรมมากก่อนไหม คนๆนั้นพึ่งพิงได้หรือเปล่า

24. ที่หงุดหงิดคือที่เคยกล่าวไว้ว่าโบว์โดนล้วงกระเป๋าที่บูดาเปสต์ ซึ่งในตอนนั้นโบว์ต้องช่วยตัวเองหมดทุกอย่าง ไม่ได้รับการสนับสนุนใดๆจากหัวหน้าทัวร์เลยนอกจากคำว่าเดี๋ยวโทรถามที่ออฟฟิศก่อน

25. มาถึงจุดนี้จึงเกิดคำถามว่าสิ่งที่เราต้องการจากหัวหน้าทัวร์คืออะไร คือเข้าใจว่าของหายไปแล้ว แต่มันใช่เรื่องไหมที่จะปล่อยลูกทัวร์ซึ่งตอนนั้นจิตใจไม่ดีอยู่ไปติดต่อยามคนเดียว คุ้ยถังขยะคนเดียว ไปแจ้งตำรวจคนเดียว?

26. ในตอนนั้นโบว์คิดว่าถ้าหัวหน้าทัวร์มีประสบการณ์หรือมีไหวพริบมากกว่านี้เค้าก็น่าจะปลอบใจประมาณว่ามีคนเคยโดนงี้มาเยอะ (คือไม่ใช่กรณีแรกแน่ๆ) อย่างน้อยเราก็จะได้รู้สึกว่าเราไม่ได้ซวยคนเดียว

27. วันต่อมาโบว์เจอกรุ๊ปทัวร์จากบริษัทเดียวกันที่ออกเดินทางตามหลัง 1 วัน โบว์บอกหัวหน้าทัวร์ว่าให้ช่วยติดต่อหัวหน้าทัวร์อีกกรุ๊ปได้ไหม เพราะเค้าคงไปที่ที่โบว์โดนล้วงกระเป๋า เพราะโบว์ไปแจ้งไว้แล้วเผื่อว่าจะโชคดีเจอกระเป๋า

28. หัวหน้าทัวร์รับปากว่าจะติดต่อให้ แต่หลังจากนั้นโบว์ก็ไม่ได้รับข่าวสารอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกเลย จะดีกว่าไหมถ้าจะช่วยอัพเดทกันบ้างว่าสถานการณ์เป็นยังไงแล้ว เจอไม่เจอก็ว่ากันไป

29. หลังจากนั้นขอบอกว่าโบว์อคติมาก จับผิดตลอด เรื่องความไม่เป็นมืออาชีพของหัวหน้าทัวร์ แล้วก็ตั้งคำถามที่คิดว่าจะถามไปที่บริษัทแน่นอนว่าบริษัทมีมาตรฐานหรือไม่ในการเลือกคน

30. หัวหน้าทัวร์คนนี้ถึงแม้เธอจะเป็นคนน่ารัก แต่เธอยังไม่รู้หน้าที่ นอกจากเธอแทบจะไม่มึความรู้ประวัติศาสตร์ใดๆเกี่ยวกับประเทศที่จะไปแล้ว เธอยังแปลคำพูดจาก local guide ของแต่ละประเทศมั่วซั่วในหลายๆครั้ง

30.1 ยกตัวอย่างเช่น ไกด์ท้องถิ่นบอกว่า "This is the only meeting point of all the metro lines in Budapest" นางแปลว่าที่นี่คือจึดนัดพบที่สำคัญของบูดาเปสต์ #เรื่องเดียวกันป่ะ

30.2 ขออีกเรื่อง ที่พระราชวังเชรินบรุนที่เวียนนา บนผนังมีรูปแขวนอยู่ ไกด์ท้องถิ่นบอกว่า "This is the picture of Maria Theresa's nanny which is a very great honor for her because this is the only picture which is not the picture of royal family member" นางแปลว่านี่เป็นรูปภาพยองแม่นมของมาเรีย เทเรเซ่ และถูกวาดขึ้นที่ปารีส #อันนี้จำได้แม่นมาก #ปารีสมาจากไหน?

31. มีอยู่วันหนึ่งที่ปราก กลุ่มเกิดหลงกัน โบว์ต้องเป็นคนแปลเรื่องที่ local guide เล่าให้ฟังให้กับลูกทัวร์อีก 25 คนฟังแทน ถามว่ามันใช่เรื่องไหม นี่มาเที่ยวนะไม่ได้มาทำงานพิเศษ

32. นอกจากนี้เธอยังคงไม่เข้าใจว่าในการปฏิบัติงานนั้นเธอห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะอะไร เพราะหากเธอเมาขึ้นมาใครจะเป็นคนดูและชีวิตลูกทัวร์อีก 30 คนของเธอ

33. วันสุดท้ายวันที่ต้องเคลมภาษีของที่ช็อปปิ้งกันมา ลูกทัวร์คนอื่นมาถามโบว์หมดเลยว่าต้องเคลมยังไง ทำตรงไหน ทั้งๆที่โบว์ก็ไม่เคยทำ เพิ่งมาเรียนรู้ตอนนั้นเหมือนกัน หัวหน้าทัวร์ทำอะไรอยู่?

33.1 แทรกเรื่องการเคลมภาษีที่ออสเตรียนะคะ แต่ละประเทศอาจจะไม่เหมือนกัน ที่ออสเตรียต้อง carry สินค้าที่เราจะเคลมภาษีเข้าไปด้วยทั้งหมดเผื่อเรียกตรวจนะคะ

33.2 เมื่อผ่าน immigration แล้ว ให้เดินไปที่บริเวณที่จะเคลมภาษี โดยนำใบเสร็จไปสแตมป์รับรองจาก จนท.ก่อน จะโชว์ของในขั้นตอนนี้ค่ะ

33.3 หลังจากนั้นให้ดูที่ซองที่จะได้รับมาตั้งแต่ตอนซื้อของว่าเราจะเคลมได้จากบริษัทอะไร (ที่เวียนนามี 2 บริษัท) นำใบเคลมไปเคลมให้ถูกช่อง แต่ละร้านอาจจะ้คลมคนละบริษัทกัน

33.4 การรับเงินคืนมี 2 แบบ คือคืนเงินในเครดิตการ์ด (ต้องรอหลายเดือนหน่อย) กับรับเงินสด ซึ่งแนะนำให้รับเงินสดไปดีกว่าค่ะ ถ้ารอไปอีกหลายเดือนค่าเงินมันจะเป็นยังไงแล้วก็ไม่รู้

33.5 วันนั้นซวยหน่อยเงินที่จะคืนให้เป็นยูโรหมด! เค้าถามจะรับเป็นบาทหรือดอลลาร์ คำนวณแล้วดอลลาร์ขาดทุนน้อยกว่าเลยรับดอลลาร์มาค่ะ

34. ถ้าโบว์จะต้องทั้งติดต่อนั่นนู่นนี่เอง ดูแลลูกทัวร์คนอื่นให้แทน แปลให้แทน อธิบายประวัติศาสตร์แทน บอกขั้นตอนการเคลมภาษีให้เองขนาดนี้ เอาหัวหน้าทัวร์กลับไปเถอะค่ะ

35. สุดท้ายอยากจะให้ใครก็ตามที่กำลังตัดสินใจจะเดินทางไปเที่ยวโดยใช้บริการบริษัททัวร์ให้ถามให้ดีเลยนะคะว่าหัวหน้าทัวร์เป็นประจำหรือฟรีแลนซ์ เพราะอาจจะได้หัวหน้าทัวร์ที่ไม่มีประสบการณ์มาดูแลชีวิตคุณแทน

36. โบว์เคยได้รับการติดต่อจากบริษัททัวร์หลายๆบริษัทช่วงเทศกาลให้ไปเป็นหัวหน้าทัวร์ไปญี่ปุ่นเหมือนกันค่ะ แต่พอมาเจอแบบนี้แล้วรู้สึกเลยว่าบริษัทมักง่ายไปหรือเปล่า เอาใครก็ได้มาดูแลชีวิตลูกค้าได้ยังไง

ตอนต่อไปจะนำเสนอเรื่องขั้นตอนการทำบัตรประชาชน และใบขับขี่ใหม่ในกรณีที่ประสบเหตุการณ์โดนล้วงกระเป๋า บัตรหายไปหมดเช่นโบว์ว่าต้องใช้้เอกสารอะไรอย่างไรบ้าง วันนี้เมื่อยนิ้วแล้วติดไว้ก่อนนะคะ ^^

Saturday, April 13, 2013

เมื่อโดนล้วงกระเป๋าที่บูดาเปสต์ ... สิ่งที่ได้รับจากบริษัททัวร์คือ ...

โบว์เพิ่งโดนล้วงกระเป๋ามาค่ะ

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในขณะที่กำลังมาเที่ยวที่เมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการีกับคุณพ่อคุณแม่ในช่วงวันหยุดสงกรานต์ เป็นช่วงชุลมุนในตอนที่กำลังเบียดกับคนมากมายที่ตลาด Vasarcsarnok ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ในตัวเมืองบูดาเปสต์ ซึ่งยอมรับว่าเป็นความผิดของโบว์เองที่ไม่ได้ระวัง สะพายกระเป๋าเป้ไว้ด้านหลัง ซึ่งจริงๆไม่ควรทำเลยนะคะเวลาไปเที่ยวต่างประเทศ ยิ่งมายุโรปด้วยแล้ว เราจะถูกมองเห็นได้ชัดมากเลยว่าเป็นนักท่องเที่ยว เพราะหน้าตากระเหรี่ยงโดดเด่นออกมาจากหมู่ฝรั่ง ครั้งนี้ประมาทเกินไปจริงๆค่ะ

แต่ที่จะมาพูดวันนี้คือเรื่องของงานบริการบริษัททัวร์ว่าตามความรู้สึกของทุกๆคนแล้วคนที่มาใช้บริการอะไรสักอย่างเขาคาดหวังอะไรจากคนที่จะมาให้บริการเขา

โบว์มาเที่ยวกับคุณพ่อคุณแม่ครั้งนี้โดยใช้บริการบริษัททัวร์ชื่อ Aven** tour ค่ะ (เพื่อจะแสดงความจริงใจว่าไม่ได้ต้องการใส่ไฟทัวร์นี้ ขอไม่เปิดเผยชื่อเต็ม) โดยปกติแล้วเวลาจะไปเที่ยวกับที่บ้านมักจะใช้บริการบริษัททัวร์เพราะผู้ใหญ่จะได้ไม่ต้องเดินเยอะ ถึก โหด สมบุกสมบันแบบที่เราไปเที่ยวกับเพื่อน ซึ่งปกติแล้วเวลามาเที่ยวยุโรปเราจะเลือกใช้บริษัทที่เราใช้เป็นประจำคือ European Holiday แต่คราวนี้เนื่องจากตัดสินใจช้า ประกอบกับเป็นช่วงสงกรานต์ด้วยทำให้ European Holiday เต็มแล้ว เลยพยายามหาข้อมูลบริษัททัวร์อื่นๆจากในพันทิปบ้างว่ามีที่ไหนโอเค โทรไปทุกๆที่เต็มหมด! จนตอนแรกคิดว่าสงกรานต์นี้อาจจะชิลล์ๆเล่นสงกรานต์อยู่กรุงเทพแล้ว แต่แล้วก่อนจะเดินทางประมาณ 3 สัปดาห์มีบริษัททัวร์บริษัทหนึ่งโทรกลับมาเนื่องจากมีลูกทัวร์ถอนตัวไปเราจึงได้ที่นั่งตรงนั้นบินมาเที่ยวยุโรปตะวันออกกันในวันนี้ ซึ่งทัวร์นั้นคือ Aven** tour นั่นเอง

อาจจะเหมือนไม่มีทางเลือกจึงได้ต้องมากับทัวร์นี้ ซึ่งก็จริง แต่ก็ขอเข้าไปหาข้อมูลในพันทิปอีกเช่นเคยว่าทัวร์นี้โอเคหรือไม่ ก็ยังไม่มีสมาชิกคนไหนด่าเลยสักคนเลยตัดสินใจมากับ Aven** tour ในราคาที่ถูกกว่าทัวร์อื่นๆที่เราเคยใช้บริการเล็กน้อย ซึ่งเราก็คิดว่าเป็นข้อดี

วันแรกที่มาถึงที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรียก็ยังไม่มีอะไร เพียงแต่มีแปลกใจเล็กน้อย เพราะปกติเวลาไปทัวร์เนี่ยโปรแกรมมันจะอัดๆไปครบทุกที่ อันนี้ให้่เดินเล่นตามสบายครึ่งวัน ... ตอนแรกก็คิดว่าเป็นเรื่องดีเหมือนกัน เออ ดีวุ้ยไม่ต้องรีบๆ มีเวลาให้นั่งจิบกาแฟนั่งชิลล์ และก็มาแปลกใจอีกครั้ง สำหรับคนที่ไปเที่ยวกับทัวร์ยุโรปเป็นประจำคงจะรู้ดีว่าปกติเขาจะจัดอาหารเป็นอาหารพื้นเมือง สลับกับอาหารจีน เหตุผลไม่ทราบว่าเป็นเพราะกลัวลูกทัวร์เบื่อหรือว่าเพราะประหยัดงบก็ไม่ทราบ แต่ทัวร์นี้วันแรกมา เธอจัดอาหารจีนสองมื้อติดเลยค่ะ ... และมื้อต่อไปเป็นอาหารไทย -_- นี่ชั้นต้องบินมากินอาหารไทยไกลบ้านขนาดนี้้เลยรึ?

วันนี้เป็นวันที่ 2 ก็เจอดีเลยค่ะ ...วันนี้ิอยู่ที่กรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี และอย่างที่เล่าให้ฟังข้างต้นว่าโบว์โดนล้วงกระเป๋าในช่วงเวลาชุลมุน ซึ่งเรื่องล้วงกระเป๋าโบว์ผิดเองที่ครั้งนี่โบว์ไม่ได้ระวังเท่าทุกครั้ง แต่หลังจากที่โดนล้วงกระเป๋าไป สิ่งที่โบว์ได้รับจากหัวหน้าทัวร์คือความว่างเปล่า .....

หัวหน้าทัวร์บอกโบว์ว่ายังไงรู้ไหมคะ? ในช่วงที่รู้สึกแย่มากๆ ตอนนั้นอยากจะไปเดินคุ้ยถังขยะทุกถังในตลาดเผื่อโจรจะเอากระเป๋าสตางค์เราไปทิ้งไว้ (..ตอนเช้าเพิ่งชมว่าประเทศเขาถังขยะเยอะดีจัง ตอนนี้ไม่ละ ... เยอะเกิน คุ้ยไม่หมด!) หัวหน้าทัวร์บอกโบว์ว่า ... "เดี๋ยวเราไปช็อปปิ้งกันก่อน แล้วเดี๋ยวพี่โทรไปที่ออฟฟิศว่าจะทำอะไรได้บ้าง"

ถามจริงๆ ถ้าตอนนั้นคุณเพิ่งโดนล้วงกระเป๋า คุณยังมีอารมณ์ช็อปปิ้งอยู่ไหมคะ?

จริงๆแล้วคนที่มาใช้บริการ ... ในที่นี้คืิอลูกทัวร์ อยากจะได้จากหัวหน้าทัวร์ หรือบริษัททัวร์ที่เราเสียสตางค์ให้เขาคืออะไร คือความสบายใจหรือเปล่า?

ตอนนั้นโบว์จะต้องทำเองหมดทุกอย่าง ทั้งเดินไปที่ tourist information center ไปติดต่อ Lost&Found ซึ่งพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ต้องเดินไปๆมาๆให้คนที่ information center เพื่อให้เค้ามาพูดภาษาฮังกาเรียนให้กับเจ้าหน้าที่ เผื่อที่ว่าจะมีใครเก็บกระเป๋าสตางค์เราได้ ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่ายังไงๆก็คงไม่ได้กระเป๋าสตางค์คืน เกือบจะต้องนั่งรถแทรมไปแจ้งตำรวจเองแล้วด้วย .... ถ้าโบว์จะต้องทำเองทุกอย่างขนาดนี้ โบว์จะเสียตังค์มากับเค้าทำไม? ชั้นเป็นหัวหน้าทัวร์ให้แทนไหม???

ในขณะที่ลูกทัวร์คนอื่นๆที่ไม่รู้จักกันเลย เข้ามาถามด้วยความห่วงใยหลายคน แต่ภาพหัวหน้าทัวร์ที่โบว์เห็นคือ นางนั่งดื่ม Mojito
อยู่ที่ร้านกาแฟแถวนั้นระหว่างรอลูกทัวร์คนอื่นช็อปปิ้ง (...ปกติเค้าไม่ได้ห้ามหัวหน้าทัวร์ดื่มเหล้าในระหว่างปฏิบัติงานเหรอคะ? เวลาไปเข้าค่ายเขายังมีกฎห้ามดื่มเลย นี่นางดื่มทุกมื้อนะคะ ทุกมื้อ!) ... ไม่มีเลยที่จะถามว่าอะไรหายไปบ้าง อายัติบัตรหรือยัง ไปแจ้งตำรวจไหม ฯลฯ

ภาพการใช้บริการทัวร์ของ European Holiday ลอยเข้ามา ... ตอนนั้นไปรัสเซีย มีคนนของหายเหมือนกัน หายเยอะมากด้วย สิ่งที่หัวหน้าทำคือ ช่วยวีน ช่วยเคลม ช่วยเล่าประสบการณ์ ช่วยเล่าทุกๆสิ่งทุกๆอย่างที่ทำให้เราสบายใจได้ อย่างน้อยการที่เราได้รู้ว่าไม่ใช่เราคนเดียวที่ซวยมันก็ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นนิดนึง (หรือเปล่า ... อันนี้คิดเอาเอง)

โบว์เข้าใจว่าการมาเจอหัวหน้าทัวร์ดีหรือไม่ดีนั้นเป็นเรื่องดวงอย่างหนึ่ง เราดวงดีเราก็จะได้คนดี เล่าประวัติศาสตร์นู่นนั่นนี่ เวลามีปัญหาก็ช่วยทำให้เราสบายใจ ช่วยแก้ปัญหาที่เราได้ เคยเจอนะคะหัวหน้าทัวร์เฮงซวยแบบที่ไม่รู้เรื่องใดๆอะไรเลยเกี่ยวกับประเทศนั้นๆ แถมพาเข้าร้านที่มีส่วนแบ่งอย่างเดียว ... คือ สำหรับเราแล้ว หัวหน้าทัวร์ไม่ใช่แค่คนประสานงาน หรือเล่ามุกตลกให้ลูกทัวร์ฟังอย่างเดียวเท่านั้นนะคะ หัวหน้าทัวร์ต้องเข้าใจนะคะว่าคนที่มากับกรุ๊ปเนี่ยไม่ใช่ทุกคนที่ต้องการเก็บแต้มถ่ายภาพไปอัพเฟซบุ๊คอย่างเดียว บางทีเค้าก็อยากจะรู้นะคะว่าตรงที่มายืนอยู่เนี่ยมันมีความสำคัญยังไง (...อย่างน้อยเวลาอัพเฟซบุ๊คมันก็ควรจะมีคำบรรยายภาพด้วยนึกออกป่ะ)

แล้วนี่นอกจากที่ว่าชั้นต้องแก้ปัญหาด้วยตัวเอง ปลอบใจตัวเอง หาข้อมูลประวัติศาสตร์เอง (เพราะถามหัวหน้าทัวร์แล้วตอบไม่ได้) ต้องแปลภาษาอังกฤษของ local guide ให้คนอื่นฟังเอง (เพราะนางแปลผิด!! คุณผู้อ่านนนนางแปลผิดดดดกด!!!) .... ถ้าชั้นต้องทำขนาดนี้ ชั้นไปเป็นหัวหน้าทัวร์แทนเธอดีกว่าไหม!!!

ฝากไปถึง Aven** tour นะคะ เข้าใจว่าช่วงสงกรานต์คงมีกรุ๊ปเยอะ ทำให้ต้องใช้บริการไกด์ freelance มาบ้าง (..เจ้าตัวบอกเองนะว่าเพิ่งทำมาไม่กี่ครั้ง และมีงานประจำอื่นอยู่) แต่อยากจะทราบมาตรฐานของการคัดเลือกไกด์ค่ะ ว่าเอามาตรฐานไหนมาใช้ในการเลือก? ถ้าหากมีปัญหาเกิดขึ้นคุณเคยบอกเค้าไหมว่าเค้าควรจะแก้ปัญหาให้ลูกทัวร์ยังไง ถ้าจะจับตาสีตาสาที่ไหนก็ได้ที่พอจะพูดภาษาอังกฤษได้มาเป็นหัวหน้าทัวร์ล่ะก็ คุณมาจ้างดิฉันเถอะค่ะ เพราะวันนี้ที่ดิฉันทำดิฉันก็แทบจะเป็นหัวหน้าทัวร์ให้คุณได้แล้วค่ะ

ฝากถึงคนที่กำลังเลือกใช้บริการบริษัททัวร์ ... ไม่ได้จะมาจูงใจหรือใส่ไฟให้คุณเกลียด Aven** tour นะคะ เพราะเจ้าหน้าที่ที่ดีๆคงจะมีหลายคน และหลายคนที่คุยกันในกรุ๊ปวันนี้ก็เลือกกลับมาใช้บริการอีกครั้ง แต่คงเป็นความซวยของดิฉันเองที่มาเจอแบบนี้ แต่อยากจะฝากไว้ให้เป็นบทเรียนกับทุกๆคนว่าให้พยายามหาข้อมูลเยอะๆ อ่านรีวิวเยอะๆก่อนจะตัดสินใจไปกับที่ไหน เพราะเวลาที่ไม่มีปัญหามันก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แต่เวลาที่ปัญหามันเกิดคุณจะรู้ได้เลยว่าบริษัทไหนดูแลลูกค้าได้ดีขนาดไหน ... และสิ่งที่ทัวร์นี้ทำให้เสียความรู้สึกอีก (นอกจากจะให้ทานอาหารจีนแทบจะทุกมื้อโดยที่ไม่ได้เขียนไว้ในโปรแกรม เขียนแค่ "รับประทานอาหารที่ภัตตาคาร") ยังมีอีกหลายอย่าง เช่น ให้ลูกทัวร์ขนกระเป๋าขึ้น-ลงห้องเอง ค่าทิปที่จะต้องให้คนขับรถไม่ได้รวมอยู่ในค่าใช้จ่ายในตอนแรก (มิน่ามันถึงถูก) หัวหน้าทัวร์ทำตัวเหมือนมาเที่ยวเอง เดินหายตัวไปช็อปปิ้งเองตลอดๆ และ ฯลฯ ไว้นึกออกจะมาเขียนเพิ่ม ... คือขอบอกว่าตั้งแต่เจอเหตุการณ์หัวหน้าทัวร์ไม่ช่วยอะไรแล้วนี่อคติขึ้นเยอะะะ เยอะมากกกกก ตอนแรกอะไรที่คิดว่าไม่เป็นๆๆๆนิดหน่อยๆ ตอนนี้เป็นอะไรหมดทุกอย่างงงงง

บทเรียนของโบว์ในวันนี้คือ โบว์คงไม่มาใช้บริการ Aven** tour อีกต่อไปแล้ว ถึงทัวร์อื่นจะเต็มหมดทุกทัวร์ก็ตาม ต่อไปนี้จะเลือกนอนเกาพุงอยู่บ้านดีกว่าจะต้องไปเจอความไม่ประทับใจแบบนี้ค่ะ

ไม่รู้ว่าเพื่อนๆจะช่วยกันแชร์ให้ไปถึงหูบริษัททัวร์หรือเปล่า ยังไงกลับไปโบว์คงจะโทรไปฟี้ดแบ็คกับ Aven** tour อย่างเป็นทางการกับสิ่งที่เกิดขึ้น และถามถึงมาตรฐานในการบริการของเขา แต่ที่เขียนในวันนี้อยากให้ได้อ่านกันเยอะๆ จะได้ระวังกันนะคะ ไม่อยากให้เวลาที่เพื่อนๆมาเที่ยวแล้วต้องมาเจอความเซ็งแบบโบว์อย่างนี้

สุขสันต์วันสงกรานต์ทุกคนค่ะ สาดน้ำเผื่อด้วย กลับไปคงต้องยุ่งๆทำบัตรและเอกสารสำคัญที่หายไปทั้งหมด แต่ถ้าได้รับคำอธิบายจาก Aven** tour เมื่อไหร่จะมาอัพเดทให้ทุกๆท่านทราบนะคะ ขอบคุณทุกๆคนที่เป็นห่วงค่ะ :)

ปล. ไม่น่าเลย ไม่น่าบ่นเลยว่ากระเป๋าตังค์เก่าแล้วซื้อใหม่ดีกว่า มันน้อยใจหนีไปเบยยย :'(

12 เมษายน 2556
กรุงบูดาเปสต์ ฮังการี