Tuesday, August 18, 2009

นักท่องเที่ยว...

วันนี้ไปต่ิอวีซ่ามาค่ะ

เนื่องจากวีซ่านักศึกษาของโบว์จะหมดอายุวันที่ 19 กันยายน
ซึ่งก่อนวันรับปริญญาเพียงแค่หนึ่งวัน -_-
ดังนั้นการจะอยู่ในประเทศญี่ปุ่นต่อไปอย่างถูกต้องตามกฎหมายคือต้องไปต่อวีซ่า

แต่ในกรณีของโบว์...จะเรียกได้ว่าไปเปลี่ยนสถานะวีซ่าน่าจะถูกกว่า

วันนี้ไปจัดการยื่นเอกสารที่ Immigration Office สาขา Tachikawa
ส่วนใหญ่เห็นเค้าไปยื่นกันที่ Shinagawa แล้วบ่นกันว่าคนเยอะมาก รอนานมาก
ลองเปลี่ยนไปทำที่ Tachikawa ดูไหมคะ คนน้อยมาก...โบว์ไปทำ ครึ่งชั่วโมงเสร็จ 55555+
Photobucket

เสียค่าธรรมเนียมเปลี่ยนสถานะ 4,000 เยน แล้วก็ได้สถานะวีซ่าใหม่คือ "Temporary Visitor" มาทันทีไม่ต้องรอ

ตอนแรกเข้าใจผิดเล็กน้อยนึกว่าจะได้เป็นว๊ซ่าท่องเที่ยวหลังจากที่วีซ่าเก่าหมดอายุแล้วเสียอีก
ที่ไหนได้เค้าเปลี่ยนให้ตั้งแต่วันนี้เลย ...

สรุปว่าหลังจากนี้เป็นต้นไป...ขจีภรณ์เป็นนักท่องเที่ยวแล้วนะคะ 555555+
Photobucket

ส่วนโชคชะตาจะนำพาชีวิตให้เดินทางต่อไปอย่างไร
วันนี้ยังไม่ทราบได้ ... ก็ต้องคอยติดตามกันต่อไปค่ะ

Thursday, August 13, 2009

ฝันที่เป็นจริง...

"เมื่อคืนฝันดีน่าตบ ฝันฝันว่าพบผู้ชายยอดดี....."

ไม่ได้ฝันว่าอย่างนั้นเลย เหอๆ

ช่วงนี้นอนกลางวันบ่อย ... จริงๆแล้วมักเป็นช่วงตอนเย็นๆ
เพราะว่าไม่ค่อยมีอะไรจะทำ พอไปนอนเล่นเกมบนเตียงก็จะไหลๆหลับไปตามระเบียบ

ทีนี้...เมื่อวานนี้ก็เหมือนเดิม แอบหลับไปตอนสี่โมงเย็นโดยประมาณ
แล้วก็ไม่ได้เปิดแอร์นอนทั้งๆที่อากาศร้อนมาก (งก..ประหยัดไฟ)
ก็เลยคิดไปว่าสงสัยเพราะอากาศร้อน คงทำให้เราฝันร้าย

ฝันว่าอะไรรู้ไหมคะ..

ฝันว่าแผ่นดินไหวค่ะ!

ช่วงหนึ่งสัปดาห์ั้ที่ผ่านมา แผ่นดินไหวไปหลายครั้ง
เมื่อวันอาทิตย์ตอนประมาณสามทุ่มหนึ่งครั้ง
อีกครั้งคือเมื่อวันอังคารตอนตีห้า ... ตื่นเลย และตกใจมาก เพราะมันแรงมาก แถมนานประมาณ 10 วินาทีได้

10 วินาที ฟังดูเหมือนอาจจะแป๊บเดียว ... แต่ช่วงที่มันสั่นอยู่นี่ผวามากๆ

ก็เลยคิดว่า...นอกจากอากาศร้อนแล้ว ประกอบกับเจอแผ่นดินไหวติดๆกันมาสองครั้งคงทำให้หลอน เหอๆ

แต่ว่า...มันมิใช่เพียงแค่้นั้น

เมื่อเช้านี้ตอน 7 โมงเช้า มันไหวอีกแล้ว!!!!!


อะไรกันคะพ่อคุณแ่ม่คุณ แผ่นดินไหวบ่อนเกินไปแล้วนะคะประเทศนี้
อยู่มะจะสองปีแล้วเคยเจอแต่หลายๆเดือนไหวที นี่มันจะไหวทุกวันเลยไหมคะ!?

Photobucket
(ขโมยภาพมาจากบล็อคพี่ส้ม...)

นี่ไม่รู้ว่าฝันเป็นลางบกเหตุหรือว่าฝันที่เป็นจริงกันแน่

ถ้าเป็นลางบอกเหตุจริง
สงสัยน่าจะต้องนอนกลางวันบ่อยๆ
แล้วก็เอาสิ่งที่ฝันไปทำนายออกทีวีแข่งกับหมอกฤษณ์ คอนเฟิร์มซะบ้างดีกว่า เหอๆ

หรือวันไหนถ้าฝันเห็นเลขจะรีบไปซื้อหวยเลย ส๊าาาาาธุ (-/l\-)

Monday, August 10, 2009

เมื่อคุณพี่ย้ายบ้าน

เนื่องจากว่าบ้านที่โบว์อยู่นี่ใกล้หมดสัญญาแล้วค่ะ
สัญญาแรกเช่าเป็นเวลา 2 ปี เดือนกว่าๆก็จะครบสองปีแล้ว
เวลาผ่านไปเร็วมากเลยนะเนี่ย อยู่โตเกียวมาจะสองปีแล้ว

ดังนั้นก็เป็นอันจำเป็นที่คุณพี่ชายที่อยู่ด้วยกันเป็นเวลาปีกว่าจะต้องย้ายออกไปก่อน
โดยได้ไปอยู่ห้องพักที่อยู่หน้ามหาวิทยาลัยเพื่อเป็นการสะดวกต่อการเดินทางมากขึ้น

วันนี้จึงมาประมวลภาพการย้ายบ้านของคุณพี่มาให้ชม (โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่นะคะ)

สภาพขณะกำลังเก็บของใส่กล่อง
Photobucket

งานนี้จ้างคุณลุงมาเอดะซึ่งทำงานรับจ้างขนของย้ายบ้านอยู่แถวโตโกไดมาขนของให้
นี่คือสภาพถ่ายจากชั้นเจ็ดลงไป จะบอกว่าคุณลุงแกชำนาญมากๆ เพราะว่าของนี่ไม่ใช่น้อยๆนะ
แล้วรถแกเล็กนิดเดียว แกสามารถจัดสรรพื้นที่ให้มันเข้าไปได้
Photobucket

ภาพห้องคุณพี่หลังจากเคลียร์ห้องและทำความสะอาดแล้ว
Photobucket

ส่วนห้องตรงกลางก็เรยบเช่นกัน...เนื่องจากคุณพี่ได้เอาทีวีและโต๊ะไปด้วย
หลังจากนี้เดี๊ยนอยู่ใช้ชีิวิตอยู่แต่ในห้องนอนแล้วค่ะ แบบว่าเดินออกมาโล่งโจ้ง
Photobucket

คุณลุงมาเอดะขณะกำลังจัดสรรพื้นที่รถ
Photobucket

ส่วนรถคุณลุงนั้นนั่งได้คนเดียว...
เดี๊ยนก็เลยนั่งรถไฟตามมาที่โตโกได แล้วก็เดินมาที่บ้านแห่งใหม่ของคุณพี่ หน้าตาเป็นแบบนี้
Photobucket

ข้างนอกออกจะเก่าไปซะหน่อย แต่ข้างในใหม่ใช้ได้
นี่คือห้องขณะถ่ายเข้าไปจากหน้าประตูบ้าน มีแบ่งเป็นสามส่วน
คือส่วนห้องในสุดจะเป็นห้องเสื่อตาตามิ ห้องตรงกลางจะเป็น flooring ส่วนห้องหน้าสุดจะเป็นห้องครัว
Photobucket

ห้องอาบน้ำ
Photobucket

ห้องส้วม
Photobucket

บริเวณครัว
Photobucket

ระเบียงห้อง มองออกไปเจอป่า ใกล้ชิดธรรมชาติมั่กๆ
Photobucket

สุดท้ายเป็นหน้าห้องมองออกไปหน้าตึกค่ะ
Photobucket

งานนี้ต้องขอขอบคุณนวรรษมากที่มาช่วยขนของขึ้นบ้านใหม่ให้ด้วยนะคะ ช่วยได้มากจริงๆค่ะ
(ตอนขาไปเนี่ยมันเอาลงลิฟท์ได้...แต่ตอนไปถึงนี่สิแบกขึ้นบันไดเอง เหอๆ)

ตอนนี้รู้สึกห้องโล่งมากมากกกกกกกกกก
รู้สึกไม่ชิน ... บวกกับช่วงนี้ว่่างมาก เลยรู้สึกเหงานิดๆ -"-

ใครก็ได้ชวนหนูออกไปหาอะไรทำข้างนอกที จะเฉาตายคาห้องแล้วค่าาาาาาาาาาาา

Sunday, August 09, 2009

สิ่งจำเป็นที่น่าจะพกไปดูฮานาบิ

เนื่องจากว่าร้อนมาก...

และทุกครั้งจะต้องออกไปจองที่ก่อนเวลาจุดจริงเป็นเวลาหลายชั่วโมง
นอกจากที่อาจจะต้องเตรียมแป้งไปโบ๊ะเพิ่มแล้ว (5555)
สิ่งสำคัญที่โบว์จะพกไปเป็นประจำและอยากแนะนำให้พกๆกันไปก็คือ..

Photobucket

Powder Sheet นั่นเอง..
ที่ญี่ปุ่นมีสินค้าที่ขายเป็นพิเศษตามฤดูกาลมากมาย
เช่น หน้าหนาวก็จะมีแผ่นความร้อนพกพา ใบไม้ผลิก็จะมีหน้ากากกันละอองเกสรดอกไม้
หน้าร้อนนอกจากพวกที่ดักแมลงต่างๆแล้ว สเปรย์แป้ง หรือกระดาษทิชชู่เปียกที่พอเช็ดแล้วจะเป็นเนื้อแป้งก็จะมีขายอยู่เยอะมาก

วันปรกติก็มักจะไม่ได้ใช้หรอก แต่วันไปดูฮานาบินี่ต้องพกไปทุกครั้ง และต้องใช้ทุกครั้ง

ลองหาซื้อติดกระเป๋าไปดูนะคะ พอเช็ดแล้วหายเหนื่อยไปเลย (สักพักนึง..แล้วมันจะกลับมาเหนื่อยใหม่ เหอๆ)
และจะรู้สึกสดชื่นเย็นสบาย

จบกันอย่างดื้อๆ

Tuesday, August 04, 2009

เริ่มขึ้นแล้ว..กับการสมัครงาน

Photobucket

เริ่มมาก็เล่นของสูงเลยค่ะคุณผู้อ่าน 555555555555555+

ขอบคุณเพื่อนกิ๊ฟท์ที่คอยอัพเดทข่าวสารงานใน UN ให้เรื่อยๆ

ความหวังที่ว่าจะได้งานนี้ประมาณ 1.5%
(มาจากความหวังที่ว่าจะไม่มีคนสมัคร เหอๆ)

แหม่ะ...คนที่ไม่มีประสบการณ์ทำงานอย่างเรา ก็หวังน้อยๆไว้ก่อนจะได้ไม่เสียใจมาก เหอๆ

ต่อไป...ที่ไหนดี?

Sunday, August 02, 2009

Lost soul in Seoul! Really!

ไม่ได้มาอัพบล็อคเสียนาน... หลังจากส่ง thesis ไปชีวิตก็ดูว่างเปล่าเคว้งคว้างเหลือเกิน
โคตรรรรรว่างงงงงงงงงงงงงงงง~ (ในขณะที่คนอื่นไม่ว่าง -"-)

จริงๆแล้วเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเพิ่งสอบจบไปค่ะ
ตอนนี้ก็เลยว่างของจริง...

กลายเป็นว่าเรียนจบอย่างไม่เป็นทางการ และตกงานอย่างเป็นทางการไปแล้วซะงั้น -"-

หลังจากสอบจบเสร็จ ที่เซมิก็วางแผนว่าจะไปเที่ยวเกาหลีกันค่ะ

(*มีคนที่ไม่ได้อยู่ญี่ปุ่นถามหลายคนแล้วว่าเซมิคืออะไร ลืมไป..ว่าคำนี้ใช้แต่ในประเทศนี้ เหอๆ
เดี๋ยวนี้เริ่มงงไปหมดแล้ว คำไหนมันใช้ในภาษาอะไรหว่า ปนเปมั่วซั่วไปหมด -"-
เซมิ (zemi) ที่ว่ามาจากภาษาอังกฤษคือ seminar ค่ะ ก็คือการสัมมนาในวิชาเรียน
ซึ่งในการเรียนระดับปริญญาโท และเอกที่ญี่ปุ่นทั้งหมด (มั้ง) จะนับว่าการเข้าสัมมนาเป็นวิชาบังคับอย่างหนึ่ง
โดยเข้าไปพบกับอาจารย์ที่ปรึุกษา และเพื่อนๆร่วมอาจารย์ที่ปรึกษาอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
ดังนั้นการไปกับเซมิก็คือไปกับอาจารย์ที่ปรึกษา และเพื่อนร่วมอาจารย์ที่ปรึกษา เช่นนี้นี่เอง)

จริงๆทริปเกาหลีครั้งนี้วางแผนไว้นานมากแล้ว เนื่องจากเงินมันเหลือเล็กน้อยจากที่ขอเบิกจากมงบุโช (กระทรวงศึกษา) เพื่อที่จะไปสัมมนาที่อเมริกาเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
(คลิกดูที่นี่ค่ะhttp://sweet-choco-cookie.blogspot.com/2009/03/busy-february.html)

(ลองคิดดูแล้วกันว่ามันได้มาเยอะขนาดไหน ไปอเมริกาห้าวันเสียตังค์ตัวเองไปแค่ค่าอาหาร (บางมื้อ) และค่าช็อปปิ้ง ยังจะเหลือมาให้ไปเที่ยวได้อีก ... ที่กระทรวงศึกษามีงบประมาณส่วนนี้ไว้เนื่องจากเค้ามีนโยบายจะเปิดกว้างคนญี่ปุ่นสู่โลกกว้าง และพอเป็นนักเรียนต่างชาติก็มีสิทธิพิเศษอีก มันก็เป็นเช่นนี้แล สรุปมาเป็นนักเรียนต่างชาติที่นี่ก็เบิกมาคุ้มกับค่าเทอมที่เสียไปแล้วล่ะ 55555+)

เข้าเรื่องต่อ...
ตอนแรกอาจารย์ให้เลือกบอกว่า...เนี่ย เงินเหลือนิดหน่อยจะไปไหนดี ให้เลือกระหว่างเกาหลี กับชิบะ (ที่ๆเป็นที่ตั้งของสนามบินนาริตะ และดิสนีย์แลนด์)

แล้วใครมันจะเลือกชิบะคะคุณ!!!

สรุปเลยได้ไปเกาหลี ด้วยความช่วยเหลือจากโยชิ เพื่อนที่เซมิที่เคยไปใช้ชีิวิตสองปี รวมถึงไปแลกเปลี่ยนอีกครึ่งปีที่เกาหลี และมีแฟนเป็นคนเกาหลี ... ด้วยประการฉะนี้

แต่วันนี้ไม่ได้จะมาเล่าเรื่องเกาหลีอะไรมากมาย...ใครอยากทราบว่าไปไหนมาบ้างก็คลิกไปดูที่ลิงค์นี้นะคะ http://bowbowbow.multiply.com/photos/album/274/Shinohara_Zemi_in_Seoul_July_2009 มีรูปและคำบรรยายใต้ภาพเสร็จสรรพ

เพราะจริงๆแล้วก็ไม่ได้ไปเที่ยวอะไรเท่าไหร่หรอก เนื่องจากอาจารย์บอกว่า "เราเอาเงินเซมิที่ควรจะใช้ในการศึกษาไปกันส่วนหนึ่ง ดังนั้นเราต้องมาเรียนและได้ความรู้กลับไปด้วย" (อาจารย์เป็นนักประวัติศาสตร์ เหอๆ)

ดังนั้นช่วงเวลากลางวันทั้งหมด..ก็หมดไปกับการเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับประวัติศาสตร์สงครามในเกาหลี เช่น ความโหดร้าย แร้นแค้นของชาวเกาหลีในช่วง 36 ปีที่ถูกกองทัพญี่ปุ่นยึดครอง ประวัติศาสตร์การต่อสู้กับญี่ปุ่น (ประเทศเพื่อนบ้านกันน่ะค่ะ ก็ต้องมีกระทบกระทั่งกันเป็นธรรมดา ดูอย่างไทยกับพม่าซิ) และประวัติศาสตร์สงครามเกาหลีเป็นต้น

ไหนๆก็ไหนๆแล้วขอเอาวีดีโอที่ถ่ายจากพิพิธภัณฑ์ The War Memorial of Korea เกี่ยวกับบทบาทของกองทัพไทยในการช่วยเหลือเกาหลีใต้ในช่วงสงครามเกาหลีมาให้ชมกันเป็นความรู้เล็กๆน้อยๆ (เป็นภาษาไทย)



เนื่องจากไทยเป็นหนึ่งใน 54 ประเทศที่ส่งทหารไปช่วยรบในสงครามเกาหลี ทำให้ปัจจุบันนี้เราไม่ต้องไปทำวีซ่าเพื่อเข้าประเทศเกาหลีไงก๊ะ

*****************************************

Multiply

การไปเกาหลีครั้งนี้...ได้อะไรกลับมาหลายอย่าง
นอกจากจะได้ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์สงครามในเกาหลี และได้ช็อปปิ้ง (แลกเงินไป 200 USD เหลือเงินกลับติดลบ เหอๆ) แล้ว ยังได้รับความไม่ประทับใจเล็กๆน้อยๆกลับมาด้วย ไม่ทราบว่าเป็นคราวซวยของขจีภรณ์หรืออย่างไร เพราะทำไมขจีภรณ์เจอซ้ำซ้อน แถมบางเรื่องยังเจอคนเดียวอีกด้วย (ทั้งๆที่ไปด้วยกันหลายคน) -"-

ืทุกเหตุการณ์ที่จะยกตัวอย่างให้ทราบกันนี้เกิดขึ้นที่ "เมียงดง" (เป็นย่านช็อปปิ้งเหมือนสยามบ้านเรา)
Multiply

ขอแจกแจงเป็นข้อๆ สามข้อดังนี้

1. คุณลุงญี่ปุ่นขี้หื่น
- เนื่องจากตอนกลางวันเราเหน็ดเหนื่อยกับการหาความรู้ใส่หัวกันแล้ว ตอนกลางคืนก็เลยขออาจารย์ไปช็อปปิ้ง โดยไปกับเพื่อนสาวชาวจีน ชื่อ ฟานซัง

ฟานซังเป็นคนที่ใช้เวลาคิด และลังเลกับการเลือกของเป็นอย่างมาก อันนี้เราจะไม่พูดถึงเนื่องจากนิสัยแต่ละคนต่างกัน (ทุกๆท่านคงทราบอยู่ว่าขจีภรณ์เป็นคนทำอะไรเร็ว เหอๆ) แต่ในขณะที่กำลังเดินเลือกของ และกินไอติมชื่อดังที่มีขนาดสูง 1 ฟุตกันอยู่สองคนนั้น ก็ได้ป๊ะกับคุณลุงชาวญี่ปุ่นกลุ่มหนึ่ง
Multiply

คุณลุงกลุ่มนั้นได้ถามเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า "ซื้อที่ไหน" (ย่านเมียงดงคนพูดญี่ปุ่นกันได้เกือบทุกคน บางร้านมันโฆษณาหน้าร้านประกาศเป็นภาษาญี่ปุ่นกันเลยทีเดียว เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าการรู้ภาษาญี่ปุ่นมีประโยชน์กว่าภาษาอังกฤษ)

ก็เลยชี้และตอบกลับไปเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า "ตรงนั้นค่ะ"

คุณลุงกลุ่มนั้นก็ตกใจแล้วถามว่าคนญี่ปุ่นหรือ (เวรกรรม แล้วถามตูเป็นญี่ปุ่น แล้วคิดว่าตูจะตอบกลับเป็นภาษาไรล่ะคะ)
ก็เลยบอกไปว่า ไม่ใช่ๆ เรียนอยู่ที่ญี่ปุ่น คุณลุงก็เลยถามมาว่า..

"ไปคาราโอเกะกันมั้ย?"

เอ่อะ....

2. แท็กซี่สุดเอาเปรียบ
- คืนวันเดียวกันขณะที่กำลังจะกลับจากเมียงดงไปโรงแรมโดยใช้บริการแท็กซี่ (ขณะนั้นเป็นเวลาดึกมากแล้ว เกือบๆห้าทุ่มได้ และฝนตกปรอยๆ) ก็เดินไปเจอแท็กซี่จอดอยู่หน้าปากซอย เลยเข้าไปบอก (เป็นภาษาญี่ปุ่นอีกแล้ว) ว่าจะไปที่นี่ๆ

ลุงแท็กซี่...พูดญี่ปุ่นคล่องมาก ก็บอกว่า "เนี่ย..โรงแรมนี้ใช่ไหม แต่ว่าตอนนี้นะมันปิดบริการแล้วนะ เพราะฉะนั้นเนี่ยขอคิดเป็นสองคน 10,000 วอน โอเคไหม"

เอ่อะ...ตูไม่ได้โง่นะ ตอนตูมา 3,000 วอน นี่จะมาปิดมิเตอร์เอาเปรียบผู้บริโภคเหรอยะ

ก็เลยเดินหนีไปและไปขึ้นคันอื่น

(เหมือนเคยเจอเหตุการณ์ประเภทนี้ที่เมืองไทยอย่างไรก็ไม่ทราบ...เข้าใจเลยว่านักท่องเที่ยวที่เจอแบบนี้รู้สึกยังไง เหอๆ)

3. โรคจิตโชว์ของ!!!
- อันนี้เด็ดสุด เพราะสองเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นเจอสองคน แต่อันนี้ถึงแม้จะไปด้วยกันสองคน แต่ดันเห็นคนเดียวค่ะคุณ!

พอดีว่าหลังจากที่กำลังจะออกจาเมียงดง (ที่เจอเหตุการณ์สองเหตุการณ์ข้างต้น) ฟานซังนึกได้ว่าลืมถุงช็อปปิ้งถุงหนึ่งไว้ที่ไหนซักที พอย้อนกลับไปร้านที่คิดว่าลืมของไว้ก็ปิดไปแล้ว วันต่อมาเลยกลับมาที่เมียงดงอีกครั้งเพื่อตามหาถุงดังกล่าว อันนี้เพืือนๆทุกคนและอาจารย์ก็มาด้วย แล้วก็เจอถุง ก็ดีใจไปตามระเบียบ สักพักอาจารย์ก็ปล่อยให้เป็นฟรีไทม์ ฟานซัง (เนื่องจากอยากได้กระเป๋าใหม่มาก แต่เมื่อวานเนื่้องจากเจ้ใช้เวลาเลือกของนานไปหน่อย ร้านมันก็เลยปิดหมด) เลยชวนขจีภรณ์ไปหาซื้อกระเป๋า ค่ะ..ขจีภรณ์ก็เลยไปด้วย

แต่ไม่รู้เกิดเหตุอาเพศอะไรขึ้นมา ... วันนั้นมันคนเยอะมากกกก (ทั้งๆที่เป็นวันธรรมดา สงสัยปิดเทอม)
แล้วขณะที่เดินเบียดกับฝูงชนอยู่นั้น ขจีภรณ์ดันเหลือบมองต่ำขึ้นมาโดยมิได้ตั้งใจ... แล้วก็เห็น!!!

ชายคนหนึ่ง ไม่รูดซิบกางเกง ไม่ใส่กางเกงใน และเิดินโชว์น้องชายอยู่โทงๆ

ตกใจสิคะ!

แต่ก็ทำอะไรไม่ได้...เพราะคนเดินไปเดินมาเยอะมาก
คิดว่าวันนั้นขจีภรณ์ไม่ได้เห็นคนเดียว แต่คงมีผู้โชคร้ายทางดวงตาต้องประสบพบเจอกับเหตุการณ์ดังกล่าวอีกหลายคน
ทว่า...ทำไมเพื่อนตูไม่เห็นฟระ!

(มีคนบอกว่า..น่าจะเอามือถือมาถ่ายให้มันอาย แต่เข้าใจไหม..วินาทีนั้นใครมันจะไปคิดทัน ได้แต่ตกใจ เหอๆ)


*************************************

อุทธาหรณ์ที่ได้จากเหตุการณ์ที่เกาหลีครั้งนี้...ถ้าเป็นสตรีเพศ ควรจะนำบุรุษเพศติดตัวท่านไปด้วย ท่านจะไม่พบเหตุการณ์เช่นนี้



จบเรื่องราวของประเทศเกาหลีแต่เพียงเท่านี้...สวัสดีค่ะ