ขอเขียนต่อเนื่องจากที่เพิ่งไป business trip ที่ญี่ปุ่นมาเมื่อต้นเดือนนะคะ
พอดีว่าวันสุดท้ายที่อยู่ที่ญี่ปุ่น มีเวลาว่าง (ระหว่างรอเปลี่ยยเครื่องและเดินทางจาก Haneda ไป Narita)
ประมาณ 3-4 ชั่วโมง -"- (มีเวลาว่างให้เค้ามีชีวิตส่วนตัวแค่นั้นจริงๆ T_T)
เลยมีโอกาสได้ไปพบเพื่อนๆ ทานข้าวเที่ยงกันก่อนจะกลับมาที่ กทม.ค่ะ
ก่อนกลับพี่ส้มเอาของขวัญวันเกิดย้อนหลังมาให้
เป็นของขวัญทีเก๋ ถูกใจ (คนชอบทำขนมอย่างเรา) มากกกกกกกกกกกก
เลยเอามาแชร์ให้ทุกท่านได้ดูกันว่ามันเ๋ก๋อย่างไร
ดูตอนแรกอาจจะงงๆว่ามันคืออะไรหว่า
แยกส่วนประกอบมา แต่นแต๊น...
มันคือ หนังสือทำขนม แถมพายไม้ และพิมพ์เค้ก โอ้ววว
ข้างในหนังสือมีสูตรเค้กที่ส่วนผสมจะผสมออกมาได้พอดีกับพิมพ์ที่แถมมาพอดีเลย
ชอบมากกกกก เดี๋ยวทำแล้วจะเอามาอวดน้าา ขอบคุณมากนะคะพี่ส้ม ^^
แ่ต่ยังไม่มีโอกาสได้ทำเลยอ่ะค่ะ เตาอบฝุ่นจะเกาะอยู่แล้ว T T
Monday, July 19, 2010
Saturday, July 10, 2010
ผู้หญิง ผู้ชาย คนญี่ปุ่น
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วไป Business Trip ที่ญี่ปุ่นมาค่ะ
ไป 6 วัน บินทั้งหมด 5 ไฟลท์ นอนเที่ยงคืน ตื่นตี 5 T_T
ช่างเป็นการทำงานที่ใช้คุ้มมาก ไม่มีเวลาซื้อของให้ตัวเองเลย ซื้อมาได้แต่ปากกาเวลารอเครื่องบิน T_T
เข้าเรื่องดีกว่า...
เนื่องจากมีเวลาเป็นส่วนตัวน้อยนิด
ทำให้มีเวลาดูทีวีน้อยไปด้วย ก็เอาเวลาระหว่างจัดของนั่นแหละดูทีวี
เปิดทีวีไปเจอรายการนึง แนะนำร้านราเม็งเมนูใหม่ๆ
ทีนี้เค้าก็แนะนำร้านนึง บรรยายว่า...
"น้ำซุปทงคตสึ ผสมกับนม เครื่องราเม็งประกอบด้วยเบคอนและไข่ลวก.."
ให้ทายสิว่า...เป็นราเม็งอะไร...ให้ทาย 10 บรรทัด
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ใช่แล้ว.."คาโบนาร่าราเม็ง" นั่นเอง -"-
(รูปจาก google)
เจ้าของร้านแนะนำว่าเนื่องจากเห็นใจคุณผู้ชายทุกท่านที่บางคนอาจจะชอบกินพาสต้าแต่ไม่กล้าเค้าไปร้านพาสต้าคนเดียวได้ เลยได้ไอเดียคิกเป็นสูตรนี้ขึ้นมา
พูดถึงญี่ปุ่น...ถึงแม้ภาษาญี่ปุ่นจะไม่ได้มีการแบ่งเพศอย่างชัดเจนว่าคำไหนเป็นเพศชาย คำไหนเปนเพศหญิงอย่างภาษาฝรั่งเศส หรือเยอรมัน
แต่ก็มีคำศัพท์บางคำ ประโยคบางประโยคที่เค้าจะรู้กันว่าสำหรับผู้ชายใช้ สำหรับผู้หญิงใช้
การเข้าร้านอาหารก็เช่นกัน ถึงแม้จะไม่มีใครกำหนดไว้ว่าเพศไหนห้ามเข้าร้านไหน แต่เค้าก็จะ "รู้กัน" ว่าร้านไหนสำหรับเพศไหน
มีเพื่อนผู้หญิงญี่ปุ่นคนนึงเป็นเพื่อนที่เซมิ เธอเป็นดั่งกุลสตรีญี่ปุ่นที่แสนงาม
เธอบอกว่าเธอไม่เคยเข้าไปกินร้านข้าวหน้าเนื้อเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพราะมันเป็นสถานที่ทำหรับผู้ชาย
ตอนนั้นนั่งฟังเงียบๆ..เพราะชอบเข้ามาก เหอๆๆ
แต่แต่ละครั้งที่เข้าไปกินก็สังเกตได้นะว่าคนที่เข้าไปกินมีแต่ผู้ชายส่วนใหญ่เป็นซาลารี่แมน และกรรมกร
เคยเห็นผู้หญิงเข้าไปกินเหมือนกัน แต่น้อยยยมากกกกก
ส่วนร้านของผู้หญิงที่พวกผู้ชายจะไม่กล้าเข้าไป (ถ้าแฟนไม่ลากไป) นอกจากร้านพาสต้าแล้ว
ก็คือจำพวกร้านเค้กทั้งหลาย.. วันที่ไป Business Trip มีไปนั่งร้านเค้กในโรงแรมอยู่ที่หนึ่งที่โอซาก้า
มองลงไปมีแต่คุณป้า คุณน้านั่งทานทั้งนั้น ไม่มีผู้ชายเลยยกเว้นคนทำอาหาร และคนเสิร์ฟ เหอๆ
ไม่รู้เหมือนกันว่าจำพวกร้านอาหารพวกนี้เค้าแบ่งกันยังไงว่าแบบไหนเป็นเพศชาย แบบไหนเป็นเพศหญิง
เพราะเราเองไม่ได้เกิดประเทศนั้นเลยไม่รู้เหตุผล แต่พอจะสังเกตได้เพราะว่าใช้ชีิวิตอยู่ที่นั่นมาเป็นเวลาพอสมควร
ไม่รู้เหมือนกันว่าคนญี่ปุ่นกันเองเค้าจะรู้กันไหมว่าทำไม
แต่ก็พอจะสังเกตได้เพิ่มอีกหน่อยว่าอาจจะเป็นเพราะสภาพสังคมของเค้ามีการแบ่งแยกหน้าทีระหว่างเพศชายกับเพศหญิงอย่างชัดเจน
ว่าสิ่งไหนเป็นสิ่งที่เพศไหนควรทำ เพศไหนไม่ควรทำ ถ้าเกิดใครทำออกนอกกรอบสังคมก็อาจจะถูกมองว่าทำไม่ถูกหรือไม่ควร
เหมือนกับเพื่อนโบว์คนนั้นที่ไม่กล้าเข้าร้านข้าวหน้าเนื้อนั่นแหละค่ะ..
ไป 6 วัน บินทั้งหมด 5 ไฟลท์ นอนเที่ยงคืน ตื่นตี 5 T_T
ช่างเป็นการทำงานที่ใช้คุ้มมาก ไม่มีเวลาซื้อของให้ตัวเองเลย ซื้อมาได้แต่ปากกาเวลารอเครื่องบิน T_T
เข้าเรื่องดีกว่า...
เนื่องจากมีเวลาเป็นส่วนตัวน้อยนิด
ทำให้มีเวลาดูทีวีน้อยไปด้วย ก็เอาเวลาระหว่างจัดของนั่นแหละดูทีวี
เปิดทีวีไปเจอรายการนึง แนะนำร้านราเม็งเมนูใหม่ๆ
ทีนี้เค้าก็แนะนำร้านนึง บรรยายว่า...
"น้ำซุปทงคตสึ ผสมกับนม เครื่องราเม็งประกอบด้วยเบคอนและไข่ลวก.."
ให้ทายสิว่า...เป็นราเม็งอะไร...ให้ทาย 10 บรรทัด
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ใช่แล้ว.."คาโบนาร่าราเม็ง" นั่นเอง -"-
(รูปจาก google)
เจ้าของร้านแนะนำว่าเนื่องจากเห็นใจคุณผู้ชายทุกท่านที่บางคนอาจจะชอบกินพาสต้าแต่ไม่กล้าเค้าไปร้านพาสต้าคนเดียวได้ เลยได้ไอเดียคิกเป็นสูตรนี้ขึ้นมา
พูดถึงญี่ปุ่น...ถึงแม้ภาษาญี่ปุ่นจะไม่ได้มีการแบ่งเพศอย่างชัดเจนว่าคำไหนเป็นเพศชาย คำไหนเปนเพศหญิงอย่างภาษาฝรั่งเศส หรือเยอรมัน
แต่ก็มีคำศัพท์บางคำ ประโยคบางประโยคที่เค้าจะรู้กันว่าสำหรับผู้ชายใช้ สำหรับผู้หญิงใช้
การเข้าร้านอาหารก็เช่นกัน ถึงแม้จะไม่มีใครกำหนดไว้ว่าเพศไหนห้ามเข้าร้านไหน แต่เค้าก็จะ "รู้กัน" ว่าร้านไหนสำหรับเพศไหน
มีเพื่อนผู้หญิงญี่ปุ่นคนนึงเป็นเพื่อนที่เซมิ เธอเป็นดั่งกุลสตรีญี่ปุ่นที่แสนงาม
เธอบอกว่าเธอไม่เคยเข้าไปกินร้านข้าวหน้าเนื้อเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพราะมันเป็นสถานที่ทำหรับผู้ชาย
ตอนนั้นนั่งฟังเงียบๆ..เพราะชอบเข้ามาก เหอๆๆ
แต่แต่ละครั้งที่เข้าไปกินก็สังเกตได้นะว่าคนที่เข้าไปกินมีแต่ผู้ชายส่วนใหญ่เป็นซาลารี่แมน และกรรมกร
เคยเห็นผู้หญิงเข้าไปกินเหมือนกัน แต่น้อยยยมากกกกก
ส่วนร้านของผู้หญิงที่พวกผู้ชายจะไม่กล้าเข้าไป (ถ้าแฟนไม่ลากไป) นอกจากร้านพาสต้าแล้ว
ก็คือจำพวกร้านเค้กทั้งหลาย.. วันที่ไป Business Trip มีไปนั่งร้านเค้กในโรงแรมอยู่ที่หนึ่งที่โอซาก้า
มองลงไปมีแต่คุณป้า คุณน้านั่งทานทั้งนั้น ไม่มีผู้ชายเลยยกเว้นคนทำอาหาร และคนเสิร์ฟ เหอๆ
ไม่รู้เหมือนกันว่าจำพวกร้านอาหารพวกนี้เค้าแบ่งกันยังไงว่าแบบไหนเป็นเพศชาย แบบไหนเป็นเพศหญิง
เพราะเราเองไม่ได้เกิดประเทศนั้นเลยไม่รู้เหตุผล แต่พอจะสังเกตได้เพราะว่าใช้ชีิวิตอยู่ที่นั่นมาเป็นเวลาพอสมควร
ไม่รู้เหมือนกันว่าคนญี่ปุ่นกันเองเค้าจะรู้กันไหมว่าทำไม
แต่ก็พอจะสังเกตได้เพิ่มอีกหน่อยว่าอาจจะเป็นเพราะสภาพสังคมของเค้ามีการแบ่งแยกหน้าทีระหว่างเพศชายกับเพศหญิงอย่างชัดเจน
ว่าสิ่งไหนเป็นสิ่งที่เพศไหนควรทำ เพศไหนไม่ควรทำ ถ้าเกิดใครทำออกนอกกรอบสังคมก็อาจจะถูกมองว่าทำไม่ถูกหรือไม่ควร
เหมือนกับเพื่อนโบว์คนนั้นที่ไม่กล้าเข้าร้านข้าวหน้าเนื้อนั่นแหละค่ะ..
Subscribe to:
Posts (Atom)