สวัสดีค่ะ..
ช่วงนี้ไม่ได้อัพเดทบล็อคบ่อยๆเหมือนตอนที่อยู่ญี่ปุ่น
ก็ไม่มีอะไรหรอก ไม่มีอะไรจริงๆ.. คือมันไม่มีอะไรจะเล่าให้ฟัง ฮ่าๆ
ตามที่คาดไว้เลยว่ากลับมาเมืองไทยก่อนเปิดเทอมเดือนกว่าๆเนี่ยนะ มันจะต้องว่างๆอย่างงี้แหละ แต่จะว่ายุ่งหรือเปล่า.. ก็ยุ่งอยู่เหมือนกันนะ ยุ่งกับการที่ต้องหาอะไรทำอ่ะสิ หุหุ
นอกจากไม่มีอะไรทำเท่าไหร่จะทำให้เบื่อแล้ว เวลาเปิดทีวีดูแล้วเจอแต่ข่าว "สนามบินใหม่" ก็ทำให้เบื่อขึ้น
ก็เข้าใจอยู่ว่าของมันใหม่ คนก็ต้องให้ความสนใจเป็นธรรมดา จำได้ว่าช่วงตอน ม.5 ตอนที่มี BTS ให้บริการใหม่ๆ ละครแทบทุกเรื่อง โฆษณา และมิวสิควีดีโอเป็นจำนวนมากจะต้องไปถ่ายที่ BTS ทำให้ตอนนั้นรู้สึกว่าจะต้องเห็นอีรถไฟนี่ทุกวันทั้งๆที่ไม่ได้ออกจากบ้านเลยนะ วันไหนไม่เห็นจะระส่ำระสาย ฮ่าๆๆ เวอร์จริงๆ
แหน่ะ.. ไม่ทันไร เงยหัวขึ้นไปมองทีวีก็เห็นมิวสิควีดีโอตัวใหม่ของ THAITANIUM ไปถ่ายที่สนามบินใหม่แล้วว เอ๊ะ.. เค้าแข่งกันเร็วหรือเปล่านะ แบบกรูไปถ่ายเร็วกว่ากรูอินกว่าเฟร้ยยยย
นอกจากภาพข่าวสนามบินใหม่ที่เห็นจนทุกซอกทุกมุมแล้ว ก็ยังมีภาพ "สนามบินเก่า" ตัดสับไปสับมาด้วย ในภาพก็จะเห็นผู้คนจำนวนมากมาอำลาอาลัย ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก เขียนข้อความทิ้งท้ายให้กับสนามบินนั้น
แต่ความอาลัยที่เรามีให้กับของเก่าเนี่ย มันจะยังอยู่ในจิตใจของคนแต่ละคนไปนานขนาดไหนกันนะ
เมื่อเวลาผ่านไป เราไม่ได้เห็นภาพของที่เคยเห็นอยู่เป็นประจำอีกแล้ว เพราะเมื่อเรื่องมันเก่า ก็คงจะไม่มีใครสนใจที่จะเสนอเรื่องของมันอีก ทั้งๆที่มันเคยเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรามาหลายสิบปี ความทรงจำของหลายๆคนก็คงจะจางลงไปตามกาลเวลา...
ตอนแรกก็กะว่าจะเอาคุ้ยรูปเก่าๆที่เคยถ่ายที่สนามบินเก่ามาลงเหมือนกัน... เพราะว่าความทรงจำเก่าๆบางอย่าง ถ้านานๆครั้งเราเอามาปัดฝุ่นดูอีกครั้ง มันก็คงจะจางลงช้ากว่าคนอื่นล่ะมั้ง...
แต่ว่าขี้เกียจง่ะ แปะไว้ก่อนละกันนะ หุหุ
ความคิดถึงเกิดขึ้นเมื่อสองสามวันก่อนขณะที่กำลังจัดห้องอยู่ ห้องที่ไม่ได้จัดมาเป็นปี นอกจากเราจะได้เจอของไร้สาระที่หมดอยู่ในซอกหนึ่งของลิ้นชักจนต้องคุ้ยไปทิ้งหลายถุงแล้ว เราก็จะยังเจอของบางอย่าง หรือรูปบางรูปที่เป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำของเราในสมัยก่อน ที่มันเคยจางลงไปเพราะทุกวันมันก็จะมีเรื่องอื่นๆเข้ามาแทนที่ ความทรงจำเก่าๆนั้นก็กลับมา active อีกครั้ง
และหลายๆครั้งก็อดที่จะยิ้มไปกับมันไม่ได้
(ต้องขอบคุณนิสัยช่างเก็บของเรา ถึงแม้บางอย่างที่เก็บไว้มันจะกลายเป็นขยะในภายหลัง....)
.................................................
แต่บางทีก็ไม่ใช่แค่ของเก่าๆที่คุ้ยเจอในบ้านเท่านั้นนะ..
บางทีการเดินออกไปนอกบ้าน ก็มักจะมีอะไรบางอย่างที่มากระตุ้นความทรงจำเก่าๆของเราโดยบังเอิญได้เหมือนกัน
เมื่อวานนี้บังเอิญว่าเดินโฉบไปที่แผงหนังสือ สายตาก็ไปสะดุดอยู่ที่หน้าปกนิตยสารเล่มหนึ่ง และก็ต้องควักเงิน 70 บาทซื้อมันมาเพื่อเพิ่มน้ำหนักให้กับชั้นหนังสือที่บ้านที่ทำท่าจะพังมิพังแหล่มาจนได้
เป็น a day เล่มที่สองที่ซื้อในชีวิตนี้ เล่มแรกคือโดราเอม่อน ทั้งๆที่เป็นนิตยสารที่สร้างสรรค์ดีนะจริงๆแล้ว ไม่รู้ทำไมถึงไม่ค่อยซื้อมาอ่าน สงสัยเห็นวัยรุ่นเค้าชอบอ่านกัน ... แก่แล้วอ่ะมั้ง หุหุ
พอดีว่า... หน้าปกนิตยสารเล่มนี้ดันไปเหมือนกับรูปที่เคยถ่ายมาตอนที่ไปลาวมาน่ะสิ
แหม.. หรือว่าเราก็จะแนวเหมือนกันนะเนี่ย ไปสะดุดตากับป้ายที่เหมือนกับหน้าปก a day เชียวนะเนี่ย อิอิ
Thursday, September 28, 2006
Sunday, September 24, 2006
Saturday, September 23, 2006
งานวันเด็ก???
วันนี้จะพาไปเที่ยวงานวันเด็กกันค่ะ หุหุ
เริ่มกันที่บริเวณหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม
รถเยอะๆแบบนี้ กทม.แน่นอนค่ะคุณขา...
เอ๊ะ.. คนเยอะแยะเค้ามาทำอะไรกันน้า..
เข้าไปดูใกล้ๆ อืม...
ใกล้อีก..
อีกนิด..
แอบดูเป็นสวนสนุกเล็กน้อย...
เอ่อ.. อันนี้เป็นกันทั้งครอบครัว
ไปต่อกันที่ย่านเกียกกายเลยค่ะ..
นั่นแหน่ะ มีหันมายิ้มให้ด้วย
ได้ยินทหารคนข้างหลังตะโกนมาว่า "ยิ้มมมมๆ"
แหม... เราก็ยังเด็กอยู่นะ อิอิ
สรุปนี่มันเทศกาลอะไรกันเหรอคะ???
งานวันเด็กป่าวเนี่ย ชักจะงงๆ
ปิดท้ายด้วย clip วีดีโอที่ไปเจอจาก Youtube
เริ่มกันที่บริเวณหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม
รถเยอะๆแบบนี้ กทม.แน่นอนค่ะคุณขา...
เอ๊ะ.. คนเยอะแยะเค้ามาทำอะไรกันน้า..
เข้าไปดูใกล้ๆ อืม...
ใกล้อีก..
อีกนิด..
แอบดูเป็นสวนสนุกเล็กน้อย...
เอ่อ.. อันนี้เป็นกันทั้งครอบครัว
ไปต่อกันที่ย่านเกียกกายเลยค่ะ..
นั่นแหน่ะ มีหันมายิ้มให้ด้วย
ได้ยินทหารคนข้างหลังตะโกนมาว่า "ยิ้มมมมๆ"
แหม... เราก็ยังเด็กอยู่นะ อิอิ
สรุปนี่มันเทศกาลอะไรกันเหรอคะ???
งานวันเด็กป่าวเนี่ย ชักจะงงๆ
ปิดท้ายด้วย clip วีดีโอที่ไปเจอจาก Youtube
Thursday, September 21, 2006
First Blog *Bangkokian on the Move~!*
บล็อคนี้เกิดขึ้นได้เพราะเป็นภาคต่อมากจากบล็อคที่เคยเขียนไว้ก่อนหน้านี้ค่ะ *Bow's Journey Under the RainBow* อ่านเรื่องราวชีวิตครบรสชาติ (ทั้งเรื่องเที่ยวและเรื่องกิน แหะๆ) ได้ที่บล็อคที่ว่าได้เลยค่ะ
.........................................................................................................
สวัสดีค่ะทุกคน..
หวังว่าจะมีแฟนๆตามอ่านบล็อคกันต่อจากบล็อคที่แล้วกันนะ หุหุ
ตอนนี้กลับถึงเมืองไทยโดยสวัสดิภาพแล้วค่ะ หลังจากหนีไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นนานถึงหนึ่งปีเต็ม ได้เวลาที่ต้องกลับมาชดใช้กรรม เหอๆๆ (ความรู้ที่สะสมมาตลอดชีวิตมลายหายไปหมดเลย... วันก่อนคนถามว่ารัฐประหารแปลว่าอะไรนั่งคิดตั้งนาน โอ้ววววว นิสิตรัฐศาสตร์!!!)
มาถึงบ้านครั้งนี้ นอกจากจะได้มาบอกลาชีวิตเก่าๆ เนื่องจากไปสะสมประสบการณ์ที่ญี่ปุ่นมาอย่างสมบุกสมบันค่ะ ความคิดและอะไรหลายๆอย่างเปลี่ยนไปเยอะเลย คือรู้สึกเองน่ะนะ (เอ่อ.. หลายๆอย่างที่บอกนี่ไม่นับสีผิวกับน้ำหนักนะ เกริ่นไว้แล้วในบล็อคที่แล้ว เหอๆ)
เข้าเรื่องๆๆๆ... นอกจากจะได้มาบอกลาชีวิตเก่าๆแล้ว ยังได้มาบอกลาสนามบินอันเป็นที่รักด้วย นั่นคือ ท่าอากาศยานกรุงเทพฯ หรือ สนามบินดอนเมือง ที่เรารู้จักกันดีนั่นเอง
ชีวิตนี้นับไม่ถ้วนว่ามาสนามบินดอนเมืองมาแล้วกี่ครั้งกันนะ เนื่องจากปะป๊าภารกิจต้องเดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศบ่อยๆ ตอนเด็กๆเราจึงผูกพันธ์กับสนามบินนี้มาก คือต้องออกจากบ้านเพื่อไปรับปะป๊านั่นแหละ ประกอบกับพอโตขึ้นก็มีหลายโอกาสที่จะต้องมาที่นี่ทั้งตัวเองเดินทางเอง และมาส่งคนอื่นที่ต้องเดินทาง จะว่าไปมานั่งนับนี่ไม่มีทางหมดชัวร์ๆ.. อยากจะเอาเรื่องนี้มาเขียนเหมือนกัน แต่ต้องขอเวลาไปคุ้ยรูปเก่าๆก่อน (ซึ่งต้องเกิดขึ้นตามหลังการคุ้ยของออกจากกระเป๋าและลังนะ โอ้ววว ชั้นขนของกลับมาจากญี่ปุ่นเยอะมากกกกก)
ฟ้าใสๆของกรุงเทพฯ เมื่อแรกก้าวลงจากเครื่องบิน
เพื่อให้มั่นใจว่ามาลงถูกประเทศ มาดูป้ายกันชัดๆ
บ๊ายบายสนามบินดอนเมือง... แล้วชั้นจะคิดถึงเธอ~
.....................................................
หลังจากนั้นเพื่อให้ไม่ตกเทรนด์ เลยบอกปะป๊าว่า "ปะป๊า .. โบว์อยากถ่ายรูปรถถัง" หึหึ ได้ยินข่าวมาหลายวันแล้ว ปล่อยให้คนอื่นไปถ่ายมามากมาย วันนี้ตาเรามั่งล่ะ หึหึ
ถึงแม้จะไม่มีโอกาสได้ลงไปถ่ายคู่กับรถถัง แต่ก็เอารูปรถถังมาฝาก โอ้ววว มันมีเต็มเมือจริงๆด้วยจอร์จจจจจจจ รัฐประหารประเทศไทยนี่มันเฮฮาดีจริงๆแฮะ
.....................................................
สุดท้ายท้ายสุดของบล็อควันนี้..
ขอเอารูปตู้เย็นที่บ้านมาฝาก หลายๆคนคงรู้ใช่ไหมว่าเราสะสมที่ติดตู้เย็น จริงๆแล้วมันเป็นของสะสมของครอบครัวล่ะ ใครไปที่ไหนมาจะต้องซื้อเป้นที่ระลึกเอามาแปะๆไว้ เริ่มมาตั้งแต่เราอยู่ ป.3 ได้มั้ง
แต่หลังจากเราไปอยู่ญี่ปุ่นมาเนี่ย ท่าทางเราจะทำลายสถิติของปะป๊าไปซะแล้ว หุหุ มันเยอะมากกกกก
หุหุ ตู้เย็นบ้านชั้นน่ากลัวจริงๆ
อ่อ... นี่ยังแปะไม่หมดนะ มันยังมีบางส่วนที่อยู่ในกล่องที่แพ็คส่งมาทางเรืออ่ะ ยังไม่ได้แกะออกมา อีกประมาณสิบอันได้มั้ง เหอๆๆๆ
.......................................................
วันนี้ต้องขอลาไปก่อนค่ะ สองสามวันนี้คงต้องยุ่งวุ่นวายกับการจัดการกับของมากมายที่ตอนซื้อไม่เคยคิดเลยว่ามันจะเยอะขนาดนี้ ถ้าเป็นไปได้จะถ่ายมาให้ดูว่าสภาพมันน่าอนาถขนาดไหน เหอๆ (วันนี้ตอนกลับบ้านได้จัดการกับกระเป๋าเดินทาง 27 กก. ไปแล้วส่วนหนึ่ง เพราะทลายเอาเสื้อผ้าออกมาซัก)
อ่อ... สำหรับคนที่แอบแวะเข้ามาอ่าน ขอเช็คเรตติ้งหน่อยนะคะว่ามีคนมาแอบอ่านกี่คน ถือว่ามาลงชื่อขึ้นบ้านใหม่ให้หน่อยละกันนะคะ ^^
.........................................................................................................
สวัสดีค่ะทุกคน..
หวังว่าจะมีแฟนๆตามอ่านบล็อคกันต่อจากบล็อคที่แล้วกันนะ หุหุ
ตอนนี้กลับถึงเมืองไทยโดยสวัสดิภาพแล้วค่ะ หลังจากหนีไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นนานถึงหนึ่งปีเต็ม ได้เวลาที่ต้องกลับมาชดใช้กรรม เหอๆๆ (ความรู้ที่สะสมมาตลอดชีวิตมลายหายไปหมดเลย... วันก่อนคนถามว่ารัฐประหารแปลว่าอะไรนั่งคิดตั้งนาน โอ้ววววว นิสิตรัฐศาสตร์!!!)
มาถึงบ้านครั้งนี้ นอกจากจะได้มาบอกลาชีวิตเก่าๆ เนื่องจากไปสะสมประสบการณ์ที่ญี่ปุ่นมาอย่างสมบุกสมบันค่ะ ความคิดและอะไรหลายๆอย่างเปลี่ยนไปเยอะเลย คือรู้สึกเองน่ะนะ (เอ่อ.. หลายๆอย่างที่บอกนี่ไม่นับสีผิวกับน้ำหนักนะ เกริ่นไว้แล้วในบล็อคที่แล้ว เหอๆ)
เข้าเรื่องๆๆๆ... นอกจากจะได้มาบอกลาชีวิตเก่าๆแล้ว ยังได้มาบอกลาสนามบินอันเป็นที่รักด้วย นั่นคือ ท่าอากาศยานกรุงเทพฯ หรือ สนามบินดอนเมือง ที่เรารู้จักกันดีนั่นเอง
ชีวิตนี้นับไม่ถ้วนว่ามาสนามบินดอนเมืองมาแล้วกี่ครั้งกันนะ เนื่องจากปะป๊าภารกิจต้องเดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศบ่อยๆ ตอนเด็กๆเราจึงผูกพันธ์กับสนามบินนี้มาก คือต้องออกจากบ้านเพื่อไปรับปะป๊านั่นแหละ ประกอบกับพอโตขึ้นก็มีหลายโอกาสที่จะต้องมาที่นี่ทั้งตัวเองเดินทางเอง และมาส่งคนอื่นที่ต้องเดินทาง จะว่าไปมานั่งนับนี่ไม่มีทางหมดชัวร์ๆ.. อยากจะเอาเรื่องนี้มาเขียนเหมือนกัน แต่ต้องขอเวลาไปคุ้ยรูปเก่าๆก่อน (ซึ่งต้องเกิดขึ้นตามหลังการคุ้ยของออกจากกระเป๋าและลังนะ โอ้ววว ชั้นขนของกลับมาจากญี่ปุ่นเยอะมากกกกก)
ฟ้าใสๆของกรุงเทพฯ เมื่อแรกก้าวลงจากเครื่องบิน
เพื่อให้มั่นใจว่ามาลงถูกประเทศ มาดูป้ายกันชัดๆ
บ๊ายบายสนามบินดอนเมือง... แล้วชั้นจะคิดถึงเธอ~
.....................................................
หลังจากนั้นเพื่อให้ไม่ตกเทรนด์ เลยบอกปะป๊าว่า "ปะป๊า .. โบว์อยากถ่ายรูปรถถัง" หึหึ ได้ยินข่าวมาหลายวันแล้ว ปล่อยให้คนอื่นไปถ่ายมามากมาย วันนี้ตาเรามั่งล่ะ หึหึ
ถึงแม้จะไม่มีโอกาสได้ลงไปถ่ายคู่กับรถถัง แต่ก็เอารูปรถถังมาฝาก โอ้ววว มันมีเต็มเมือจริงๆด้วยจอร์จจจจจจจ รัฐประหารประเทศไทยนี่มันเฮฮาดีจริงๆแฮะ
.....................................................
สุดท้ายท้ายสุดของบล็อควันนี้..
ขอเอารูปตู้เย็นที่บ้านมาฝาก หลายๆคนคงรู้ใช่ไหมว่าเราสะสมที่ติดตู้เย็น จริงๆแล้วมันเป็นของสะสมของครอบครัวล่ะ ใครไปที่ไหนมาจะต้องซื้อเป้นที่ระลึกเอามาแปะๆไว้ เริ่มมาตั้งแต่เราอยู่ ป.3 ได้มั้ง
แต่หลังจากเราไปอยู่ญี่ปุ่นมาเนี่ย ท่าทางเราจะทำลายสถิติของปะป๊าไปซะแล้ว หุหุ มันเยอะมากกกกก
หุหุ ตู้เย็นบ้านชั้นน่ากลัวจริงๆ
อ่อ... นี่ยังแปะไม่หมดนะ มันยังมีบางส่วนที่อยู่ในกล่องที่แพ็คส่งมาทางเรืออ่ะ ยังไม่ได้แกะออกมา อีกประมาณสิบอันได้มั้ง เหอๆๆๆ
.......................................................
วันนี้ต้องขอลาไปก่อนค่ะ สองสามวันนี้คงต้องยุ่งวุ่นวายกับการจัดการกับของมากมายที่ตอนซื้อไม่เคยคิดเลยว่ามันจะเยอะขนาดนี้ ถ้าเป็นไปได้จะถ่ายมาให้ดูว่าสภาพมันน่าอนาถขนาดไหน เหอๆ (วันนี้ตอนกลับบ้านได้จัดการกับกระเป๋าเดินทาง 27 กก. ไปแล้วส่วนหนึ่ง เพราะทลายเอาเสื้อผ้าออกมาซัก)
อ่อ... สำหรับคนที่แอบแวะเข้ามาอ่าน ขอเช็คเรตติ้งหน่อยนะคะว่ามีคนมาแอบอ่านกี่คน ถือว่ามาลงชื่อขึ้นบ้านใหม่ให้หน่อยละกันนะคะ ^^
Subscribe to:
Posts (Atom)