Saturday, November 24, 2012

รีวิวเครื่องดัดขนตาไฟฟ้า Panasonic รุ่น EH-SE60

พอดีเมื่อสัปดาห์ที่แล้วซื้อเครื่องดัดขนตาไฟฟ้ามาเลยมีเพื่อนๆอยากจะให้รีวิวให้ชมว่าเป็นอย่างไรบ้าง วันนี้เลยจัดให้ค่ะ

ก่อนหน้านี้โบว์เคยใช้เครื่องดัดขนตาไฟฟ้ามาอยู่แล้วแต่เป็นรุ่นเก่าค่ะ ได้ซื้อรุ่นใหม่มาหน้าตาแปลกไปเยอะเลย ประกอบกับได้ไปลองเทสต์ของแล้วชอบเลยไปถอยมาค่ะ (ตัวซ้ายคือรุ่นเก่าที่ใช้มาอยู่หลายปี ตัวขวาคือตัวใหม่ค่ะ)


วันนี้ิจะรีวิวตัวนี้ค่ะ เครื่องดัดขนตาไฟฟ้า Panasonic รุ่น EH-SE60 ใหม่ล่าสุดเพิ่งเปิดตัวที่เมืองไทยและพร้อมกันทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปเมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา


วิธีการใช้ของเครื่องดัดขนตารุ่นนี้คือต้องเปิดรอสักพักให้สีม่วงๆเปลี่ยนสีเป็นสีชมพูก่อน เพราะว่าจะร้อนได้ที่ค่ะ



ขอโชว์สภาพตาโล้นๆก่อนเลยนะคะ ไม่กล้าให้เห็นทั้งหน้าให้เห็นแค่ตาพอ 555


 แต่เนื่องจากว่าถ้าเป็นโล้นๆแบบนี้จะเห็นไม่ชัด จึงขอปัดมาสคาร่าก่อนจะได้เห็นชัดขึ้นนะคะว่าเด้งจริงหรือเปล่า


สังเกตได้ว่าขนตาแค่เข้มขึ้นแต่ยังไม่งอนค่ะ ตอนนี้ยังเป็นแนวทิ่มไปข้างหน้าอยู่ ต่อไปเราจะจัดการปัดค่ะ โดยเครื่องดัดขนตารุ่นนี้จะเป็นแบบหมุนได้ มีหมุนเข้ากับหมุนออก ถ้าหมุนออกก็จะได้แนว natural look ไม่งอนมาก แต่เนื่องจากวันนี้เราต้องการให้มันเด้งมากเราจัดให้มันหมุนออกค่ะ (ปุ่มหมุ่นจะอยู่ที่เดียวกับปุ่มเปิดปิดค่ะ)



 เสร็จแล้วก็จะได้ขนตาเด้งมากๆแบบนี้ (ไม่แน่ใจว่าเห็นชัดหรือเปล่าแต่พยายามแล้วนะ หะๆ) สังเกตได้ว่าจากขนตาแบบทิ่มไปข้างหน้าก็งอนขึ้นเลยค่ะ



 แต่เนื่องจากจะออกจากบ้านเราขอเติมอายไลเนอร์หน่อยนะคะ ไม่งั้นออกจากบ้านไม่ได้ค่ะ หะๆ (ปกติแล้วโบว์จะกรีดตาก่อนค่อยดัดขนตา แต่วันนี้ดัดก่อนไม่งั้นมันจะดำไปหมดมองเห็นไม่ชัดค่ะ)


หน้าผมพร้อมออกงานและค่ะ :D






มีเพื่อนๆถามมาด้วยว่ามันเป็นความร้อนแบบนี้มันจะทำให้หนังตาไหม้หรือเปล่า ขอยืนยันเลยนะคะว่ามันไม่ได้ร้อนขนาดน้านนนนนน ไม่ทำให้ขนตาหรือหนังตาคุณไหม้นะคะ ก่อนหน้านี้เคยได้ยินเทคนิคการดัดขนตาว่าให้เอาไดร์เป่าผมมาเป่าที่ดัดขนตาไหมคะ หลักการเดียวกันเลยค่ะ

ปล. ไม่ได้จะมาขายของแต่อย่างใด แต่ใช้ดีจึงบอกต่อ ^^








Wednesday, November 14, 2012

คนที่ถูกลืม



เพื่อนๆเคยเป็นไหมคะว่า เมื่อก่อนนี้เวลาเราเปลี่ยนอะไรใหม่สักอย่าง เช่น ลง account ICQ หรือ MSN ใหม่ (ปัจจุบัน MSN ปิดไปแล้ว น่าเศร้า...) history ที่เราเคยคุยกับเพื่อนๆก็จะหายไปโดยที่กู้กลับไม่ได้

โบว์เป็นคนหนึ่งที่ชอบเก็บสะสม chat history มากๆ เมื่อก่อนนี้จำได้เลยว่าถ้าเล่น MSN จะต้องไปลง add on เพื่อนที่เราจะสามารถเก็บ chat log ของคนที่เราคุยด้วยมานั่งอ่านบ่อยๆ เรียกได้ว่าโบว์เป็นคนหนึ่งที่เสพติดความทรงจำเก่าๆ เพราะบางทีเวลาเราลองคุ้ยมันออกมาอ่านอีกครั้งหนึ่งเราก็แอบอมยิ้มเล็กๆไม่ได้

จริงๆแล้วในโลกใบนี้มีเพียงไม่กี่คนที่โบว์มักจะหวงแหนความทรงจำแล้วเก็บข้อความที่เคยคุยกันกลับมาอ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่มีหลายๆครั้งที่คอมพิวเตอร์ของโบว์โดนไวรัสกิน หรือเผลอลบ chat log ไปโดยไม่ได้ตั้งใจความทรงจำเหล่านั้นก็จะหายไปด้วย ทิ้งไว้เพียงความเสียดายอดีตที่เราไม่สามารถกู้มันกลับมาได้อีกแล้ว

โบว์เพิ่งเปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่ค่ะ

ถึงแม้จะเปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่ chat log ใน application กลับไม่หายไปด้วย แต่...ยังคงมีบาง application ที่เราไม่สามารถที่จะกู้ความทรงจำเก่าๆกลับมาได้ และเมื่อไม่นานมานี้โบว์ก็ต้องกลับมานั่งเสียดายความทรงจำเก่าอีกครั้ง บทสนทนาที่ทำให้เรามานั่งอมยิ้มอยู่คนเดียวทุกครั้งที่นั่งอ่านวนไปวนมา ปัจจุบันนี้มันไม่มีอีกแล้ว และมันก็ไม่อาจจะกู้มาได้อีกแล้ว สิ่งเดียวที่เราทำได้เพื่อหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดก็คือต้องพยายามลืมมันไปเสีย

ทำให้โบว์รู้สึกว่าบางครั้งในการที่จะลืมอะไรบางอย่างที่จริงๆแล้วเราไม่ได้อยากจะลืมมัน ความไม่ได้ตั้งใจก็ทำให้มันค่อยๆเลือนไปโดยไม่รู้ตัว เมื่อเราไม่มีสิ่งที่เตือนความทรงจำในอดีตอีกต่อไป ความทรงจำของมนุษย์เรามันจะยาวนานได้มากแค่ไหนกันเชียว.... อาจจะไม่ต้องรอนานจนถึงวันที่คุณเป็นอัลไซเมอร์เหมือนโฆษณาบริษัทประกันบริษัทหนึ่ง หรือไม่ต้องรอให้คุณเป็นเนื้องอกในสมองเหมือนมิวสิควีดีโอซีรีส์เพลงหนึ่งก็ได้


ความคิดที่ว่าเวลาจะช่วยรักษาความเจ็บปวดในจิตใจได้ก็คงยังจะคลาสสิคอยู่เสมอ เพราะบางทีถึงแม้เราจะใจไม่แข็งพอที่จะ delete ความทรงจำนั้นไปได้ด้วยตัวเอง บางทีความบังเอิญก็จะบังคับทำให้คุณลืมมันได้ ไม่ว่าวันนั้นคุณจะอยากลืมมันหรือไม่ก็ตาม

อ่านมาถึงตรงนี้ หลายๆคนคงอยากจะเปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่แล้วใช่ไหมคะ :)